· ·

ถ้าคุณเคยเขียนจนคนร้องไห้…บทความเดียวกันนั้น อาจเปลี่ยนชีวิตคนอีกพันคนได้อีกครั้ง

คุณเคยไหมครับ…เวลาย้อนกลับไปอ่านงานเขียนเก่าๆ ของตัวเอง แล้วรู้สึกว่า “บทความนี้ดีจังเลยนะ แต่ทำไมถึงเงียบจัง?” ผมเชื่อนะครับว่าหลายคนเคยมีโมเมนต์แบบนี้ มันเหมือนกับว่าเราทุ่มเทลงไปในบทความหนึ่งอย่างสุดหัวใจ แต่เมื่อเวลาผ่านไป บทความนั้นกลับจมหายไปตามคลื่นของคอนเทนต์ใหม่ๆ ที่ถูกปล่อยออกมาทุกวัน ถ้าเราปล่อยให้งานเขียนดีๆ เหล่านั้นถูกฝังกลบอยู่ในไทม์ไลน์ มันก็คงน่าเสียดายเกินไปครับ

ทำไมนักเขียนจึงไม่ควรปล่อยให้งานเขียนเก่าถูกลืมไป

งานเขียนทุกชิ้นที่เราเคยตั้งใจทำ ไม่ว่าจะนานแค่ไหน มันมีคุณค่าในตัวของมันเองครับ ไม่ใช่แค่ในช่วงเวลาที่เราเขียนเสร็จเท่านั้น แต่ในวันที่คนอ่านเปลี่ยนไป หรือความเข้าใจในเนื้อหานั้นลึกซึ้งขึ้น มันสามารถกลับมาเป็นแรงบันดาลใจใหม่ให้ใครบางคนได้อีกครั้งนะครับ การเขียนบทความดีๆ สักชิ้นหนึ่ง ไม่ใช่แค่เพื่อวันนี้เท่านั้น แต่เป็นการส่งต่อมุมมอง ความคิด และเรื่องเล่าที่อาจยังรอใครบางคนผ่านมาเจอครับ

บางครั้งเราอาจคิดว่างานเก่าไม่สำคัญ แต่จริงๆ แล้วมันอาจเป็นคำตอบให้กับคนที่กำลังสับสน หรืออยากได้แรงบันดาลใจจากเรื่องราวที่เราเคยเล่าเอาไว้ครับ ลองนึกภาพดูนะครับ ว่ามีใครสักคนสะดุดตากับบทความของคุณเมื่อห้าปีก่อน แล้วรู้สึกว่า “นี่แหละคือคำที่ฉันต้องการ” มันจะรู้สึกดีแค่ไหนครับ

บทความที่เปลี่ยนชีวิตคนได้ ยังมีโอกาสเปลี่ยนใจใครอีกหลายคน

บทความหนึ่งที่เคยช่วยเปลี่ยนแปลงชีวิตใครบางคนได้ในอดีต ยังมีพลังจะทำแบบนั้นได้อีกหลายครั้งครับ ผมอยากให้คุณลองย้อนคิดถึงวันที่คุณเขียนบทความนั้นขึ้นมา…ความตั้งใจ ความรู้สึก มันถูกส่งผ่านไปยังผู้อ่านในวันนั้น แต่พอเวลาผ่านไป งานเขียนเหล่านั้นมักถูกเลื่อนลงลึกจนคนใหม่ๆ แทบไม่มีโอกาสเจอเลยนะครับ

แต่ถ้าเรารู้จัก “ยกบทความเก่ากลับมาใช้ใหม่อย่างมีชั้นเชิง” มันอาจกลายเป็นการสร้างอิทธิพลใหม่ให้กับผู้คนอีกจำนวนมากได้เลยครับ เพราะผู้อ่านเปลี่ยนไปเสมอ สิ่งที่เคยไม่สะกิดใจใครเมื่อ 3 ปีก่อน วันนี้มันอาจตรงจุดกับใครอีกคนอย่างน่าเหลือเชื่อก็ได้ครับ

อย่าลืมนะครับว่า งานเขียนที่ดีไม่ใช่งานเขียนที่มีคนอ่านแค่ในวันที่เผยแพร่เท่านั้น แต่มันคือบทความที่ยังส่งต่อพลังได้ไม่รู้จบ ถ้าเราให้โอกาสมันได้ลืมตาขึ้นมาอีกครั้งครับ

รื้อฟื้นงานเขียนเก่าให้น่าสนใจขึ้น ด้วยมุมมองใหม่

การรีไรต์บทความเก่า ไม่ได้แปลว่าเราจะต้องทิ้งตัวตนเดิมหรือแนวคิดเดิมเสมอไปนะครับ มันเหมือนการเอาเสื้อผ้าชุดเก่ามาปัดฝุ่น แล้วใส่แอ็กเซสซอรี่ใหม่ให้ดูสดขึ้น ข้อดีของการกลับมาแต่งเติมบทความคือ เราได้ย้อนกลับมาทบทวนมุมมองของตัวเองในวันนั้น และได้อัปเดตให้สอดคล้องกับโลกวันนี้ครับ

เทคนิคที่ผมชอบใช้บ่อยๆ คือ ลองอ่านบทความนั้นแบบ “ผู้อ่านหน้าใหม่” แล้วตั้งคำถามว่า ถ้าผมเป็นผู้อ่านคนนี้ ผมจะอยากรู้อะไรต่อ? จะสงสัยตรงไหน? หรือมีอะไรที่ควรใส่เพิ่มเพื่อให้บทความดูร่วมสมัยมากขึ้นไหมครับ บางทีแค่ปรับคำบางคำ หรือเติมบริบทที่ทันสมัย ก็ทำให้บทความดูน่าอ่านขึ้นอีกเท่าตัวเลยนะครับ

อย่ากลัวที่จะกลับไปแตะงานเขียนของตัวเองอีกครั้งนะครับ เพราะมันไม่ได้แปลว่าเราทำผิดในตอนแรก แต่มันคือการให้เกียรติงานเขียนนั้นอีกครั้ง ด้วยประสบการณ์ที่มากขึ้นของเราในวันนี้ครับ

วิธีสร้างแพลตฟอร์มสำหรับนักเขียน เพื่อให้บทความของคุณมีชีวิตยืนยาว

หนึ่งในวิธีที่ช่วยให้งานเขียนของคุณไม่ถูกกลืนหายไปในโลกโซเชียล คือการมีพื้นที่ถาวรของตัวเองครับ ผมกำลังพูดถึงการสร้างเว็บไซต์ หรือเว็บบล็อกที่คุณควบคุมเองได้ทุกอย่าง ไม่ต้องพึ่งแพลตฟอร์มกลาง ไม่ต้องกลัวโพสต์หาย ไม่ต้องกลัวถูกจำกัดการเข้าถึงครับ มันคือบ้านที่คุณสามารถจัดวางงานเขียนให้โดดเด่น และให้คนใหม่ๆ เข้ามาเจอได้ตลอดเวลา

การมีเว็บบล็อกส่วนตัว ไม่ได้แปลว่าต้องมีทักษะไอทีขั้นเทพนะครับ ทุกวันนี้มีเครื่องมือมากมายที่ช่วยให้คุณสร้างเว็บไซต์ได้ง่ายมากโดยไม่ต้องเขียนโค้ดเลย ที่สำคัญคือมันทำให้บทความของคุณ “อยู่ได้ตลอด” ไม่ใช่แค่ชั่วครู่เหมือนบนโซเชียล และยังสามารถใช้เป็นฐานสร้างระบบสมาชิกหรือแปลงเป็นรายได้ในระยะยาวได้อีกด้วยครับ

เปลี่ยนบทความธรรมดาให้กลายเป็นเครื่องมือการตลาดแบบนุ่มลึก

ถ้าคุณเคยรู้สึกว่า “บทความดีๆ ของเรามักไม่สร้างอะไรกลับมาเลย” ผมอยากบอกว่ามันอาจเป็นเพราะเรายังไม่ได้วางโครงสร้างให้มันกลายเป็นเครื่องมือการตลาดที่มีพลังจริงๆ ครับ บทความหนึ่งบทความสามารถเชื่อมโยงกับการสร้างแบรนด์ การเพิ่มความน่าเชื่อถือ ไปจนถึงการสร้างยอดขายได้เลยนะครับ ถ้าเรารู้จักการออกแบบเนื้อหาให้สัมพันธ์กับพฤติกรรมของผู้อ่านและระบบโดยรวมอย่างมีกลยุทธ์ โดยเฉพาะเมื่อใช้กับ เว็บไซต์ หรือ เว็บบล็อก ที่เราควบคุมเอง การทำ Content Marketing ที่ดีจะทำให้บทความธรรมดากลายเป็นเครื่องมือที่ทำงานให้คุณในระยะยาวเลยครับ

  • เริ่มจากการวางเป้าหมายของบทความ (Content Objective) – บทความแต่ละชิ้นควรมีเป้าหมายชัด เช่น ให้ความรู้, สร้างความเชื่อมั่น หรือดึงคนเข้าสู่ คอร์สออนไลน์
  • ใช้ Lead-in ที่น่าสนใจ – ประโยคเปิดควรดึงดูดอารมณ์หรือความสนใจทันที เพื่อให้ผู้อ่านอยากอ่านต่อ
  • ใส่ Call-to-Action (CTA) อย่างแนบเนียน – ไม่ต้องเร่งขาย แต่ชวนคนคลิกต่อ เช่น “อ่านต่อ”, “สมัครเลย”, หรือ “ดูตัวอย่างได้ที่นี่”
  • เชื่อมโยงกับ Funnel – บทความควรพาผู้อ่านเข้าสู่ขั้นตอนต่อไป เช่น จาก Awareness → Interest → Conversion
  • สร้าง Value Proposition ชัดเจน – บอกให้คนอ่านรู้ว่าทำไมเนื้อหานี้ถึงสำคัญ หรือแตกต่างจากสิ่งอื่นที่เคยเจอ
  • แทรก คีย์เวิร์ด อย่างชาญฉลาด – เช่น เขียนบทความ, ขายความรู้ เพื่อเพิ่มโอกาสถูกค้นเจอผ่าน SEO โดยไม่ทำให้เนื้อหาดูยัดเยียด
  • เพิ่ม Internal Link / External Link – เชื่อมโยงกับบทความอื่น หรือแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ เพื่อเพิ่มคุณค่าและสร้างการเชื่อมต่อ
  • มี Visual หรือรูปแบบการจัดวางที่น่าอ่าน – ถ้าเป็นบน เว็บไซต์ หรือ เว็บบล็อก ควรแบ่งย่อหน้า และใช้ตัวเน้นในจุดที่เหมาะสม
  • จบด้วยความรู้สึกมากกว่าข้อสรุป – ปิดบทความด้วยการชวนคิด ไม่ใช่แค่สรุป เพราะอารมณ์จะดึงให้ผู้อ่านอยากแชร์ต่อครับ
  • ทดสอบ และปรับตามผลลัพธ์ – วิเคราะห์ CTR, เวลาที่อยู่บนหน้า (Time on Page) หรือ Feedback เพื่อปรับปรุงเนื้อหาให้ตอบโจทย์มากขึ้นเรื่อยๆ

ถ้าคุณลองนำเทคนิคเหล่านี้ไปปรับใช้กับบทความที่คุณเขียน ผมเชื่อว่าแต่ละบทความของคุณจะเริ่ม “ทำงาน” แทนคุณได้จริงๆ นะครับ และสิ่งที่พิเศษกว่านั้นคือ เมื่อมันผูกกับ เว็บไซต์ หรือระบบที่คุณสร้างขึ้นเอง เช่น การมีหน้า Landing Page หรือระบบ โคลนเว็บไซต์ พร้อมใช้งานสำหรับคนที่อยากเรียนรู้เพิ่มเติม มันจะยิ่งช่วยให้ทุกคำที่คุณเขียนกลายเป็นโอกาสใหม่ที่ค่อยๆ เติบโตไปพร้อมกับตัวตนของคุณเลยครับ

เขียนบทความเพื่อให้คนอ่าน “รู้สึก” และ “ลงมือทำ”

การเขียนที่ทรงพลังจริงๆ ไม่ได้วัดจากยอดวิวครับ แต่วัดจากว่า มีคนอ่านแล้ว “เปลี่ยนอะไรบางอย่าง” ในชีวิตหรือไม่ บางทีแค่บทความเดียว ก็สามารถผลักให้คนลุกขึ้นมาตัดสินใจบางอย่างที่เขาผลัดวันมานานได้เลยนะครับ และนั่นคือสิ่งที่บทความของคุณทำได้ครับ ถ้าคุณตั้งใจวางจังหวะให้ดี

เทคนิคที่ผมใช้เสมอคือ “เล่าเรื่องให้คนอินก่อน แล้วค่อยชวนให้เขาขยับ” เช่น คุณอาจเริ่มจากเล่าเหตุการณ์ที่กระทบใจคุณจริงๆ แล้วโยงให้ผู้อ่านรู้สึกว่า “นี่มันเรื่องของฉันเลยนี่นา” จากนั้นค่อยวางคำถามที่กระตุ้น เช่น “ถ้าเป็นคุณ คุณจะทำยังไง?” หรือ “ลองเริ่มทำสิ่งนี้ดูไหมครับ?” คำเหล่านี้ไม่บังคับ แต่เป็นคำชวนที่มีพลังมากครับ

บทความที่ดีควรมีความจริงใจ และพาคนอ่านไปสู่ความเข้าใจที่ลึกขึ้น ไม่ต้องพยายามเป็นผู้รู้หรือสอนใคร แต่ให้เหมือนเรากำลังนั่งคุยกับเขาอยู่ตรงหน้า แล้วแบ่งปันสิ่งที่เราเรียนรู้มา อย่างเพื่อน อย่างพี่น้อง แบบนั้นเลยครับ

เชื่อมบทความของคุณเข้ากับเว็บไซต์อย่างไรให้มีรายได้ตามมา

บทความที่ดี ถ้ามีบ้านอยู่ นั่นแหละครับคือจุดเริ่มต้นของรายได้ที่ยั่งยืน ผมหมายถึงการมีเว็บไซต์ที่คุณสามารถจัดวางบทความให้เหมาะสมกับจังหวะของคนอ่าน และที่สำคัญคือสามารถแทรกลิงก์ไปสู่สิ่งที่มีมูลค่า เช่น คอร์สออนไลน์, ไฟล์โหลดฟรี, หรือระบบสมาชิกได้อย่างแนบเนียนนะครับ

ผมอยากชวนให้คุณลองวางแผนการจัดหน้าเว็บไซต์แบบง่ายๆ เลยครับ ลองแบ่งหมวดหมู่บทความให้คนเข้าถึงง่าย ใส่ลิงก์ในตำแหน่งที่อ่านแล้วรู้สึกอยากคลิก เช่น “อ่านต่อ”, “โหลดฟรีตรงนี้”, หรือ “ดูตัวอย่างบทความพรีเมียม” ประโยคเหล่านี้ช่วยชี้ทางได้โดยไม่ทำให้บทความเสียอารมณ์เลยนะครับ

ถ้าคุณมีบทความดีๆ อยู่แล้ว แค่ปรับเลย์เอาท์ของเว็บไซต์ หรือทำให้บทความเหล่านั้นอยู่ในจุดที่คนเข้าถึงง่ายขึ้น รายได้ก็อาจจะค่อยๆ ตามมาเองแบบไม่ต้องไล่ล่ามากครับ เพราะคนอ่านจะรู้สึกว่า “ที่นี่มีของดี” และเขาก็จะอยากอยู่ต่อเองครับ

ถ้าคุณเชื่อว่างานเขียนของคุณมีพลัง…ก็ถึงเวลาปลุกมันให้ตื่นอีกครั้ง

บางครั้งงานเขียนที่ดีที่สุดของเรา ไม่ได้มาจากวันที่เรามีแรงที่สุด แต่อาจมาจากวันที่เรา “รู้สึก” อะไรมากที่สุดต่างหากครับ และบทความเหล่านั้น ถ้าเรายังเก็บไว้ เงียบๆ มันก็จะยังคงหลับอยู่แบบนั้น ทั้งที่มันอาจช่วยเปลี่ยนมุมมองใครสักคนได้เลยนะครับ

ถ้าคุณเชื่อว่างานเขียนของคุณมีคุณค่า ผมอยากชวนให้คุณกลับไปหยิบมันขึ้นมาอีกครั้งครับ ลองอ่านใหม่ ใส่แรงใจ เติมบริบท เติมปลายทาง และนำกลับมาเล่าในพื้นที่ใหม่ที่เหมาะสมกับยุคนี้ เช่น เว็บไซต์ของคุณเอง หรือแม้แต่แปลงเป็นบทเรียนก็ยังได้ครับ

โลกออนไลน์อาจหมุนเร็วขึ้นทุกวัน แต่พลังของคำเขียนที่จริงใจไม่เคยเก่าเลยครับ ถ้าคุณเคยเขียนด้วยหัวใจ ผมมั่นใจว่าคุณยังสามารถปลุกมันให้ตื่นขึ้นมาได้อีกครั้ง และครั้งนี้ มันอาจส่งต่อไปถึงคนอีกพันคนก็ได้นะครับ

กุญแจสู่ความสำเร็จ (Key to Success)

ถ้าคุณเป็นนักเขียน หรือคนที่ชอบเขียนบทความแล้วอยากเปลี่ยนมันให้กลายเป็นพลังบางอย่างที่ส่งต่อได้จริง บทความชุดนี้จะพาคุณกลับไปหาหัวใจของงานเขียนอีกครั้งครับ และนี่คือชุดเช็คลิสต์ที่ผมคัดมาแล้วว่า ถ้าคุณเข้าใจสิ่งเหล่านี้ มันจะช่วยให้คุณใช้ “เว็บบล็อก” หรือ “เว็บไซต์คอร์สออนไลน์” ได้เต็มศักยภาพ และกลายเป็นระบบที่สร้างพลังและรายได้ให้คุณในระยะยาวได้แน่ๆ ครับ

  • อย่าปล่อยให้งานเขียนเก่าถูกลืม – งานดีๆ ยังมีพลังเสมอ ถ้าเรารู้จักหยิบมันขึ้นมาอีกครั้ง
  • บทความที่เคยเปลี่ยนใจคนได้ ย่อมเปลี่ยนใจคนใหม่ๆ ได้อีก – แค่คุณให้โอกาสมันกลับมาหายใจ
  • รีไรต์แบบมีชั้นเชิง – เติมมุมมองใหม่ให้บทความเดิม โดยไม่เสียความรู้สึกดั้งเดิม
  • มีแพลตฟอร์มของตัวเอง – การมีเว็บไซต์ช่วยให้งานเขียนมีบ้านที่มั่นคงและมีชีวิตยืนยาว
  • เขียนเพื่อให้คนรู้สึก – ไม่ใช่แค่ให้ข้อมูล แต่ต้องสะเทือนใจจนเขาอยากลงมือทำ
  • บทความดีต้องวางแผน SEO ด้วย – ให้คนหาเจอง่ายขึ้น และกลายเป็นทางเชื่อมสู่รายได้
  • สร้างความสัมพันธ์ผ่านบทความ – ไม่ใช่เขียนเพื่อขาย แต่เขียนเพื่อให้เขากลับมาอ่านซ้ำ
  • อย่ากลัวที่จะกลับไปแตะงานเขียนเก่า – เพราะบทความนั้นอาจเปลี่ยนชีวิตใครสักคนในวันนี้ก็ได้
  • เปลี่ยนบทความเป็นระบบสร้างรายได้ – ด้วยเว็บบล็อกหรือเว็บไซต์ WordPress ที่คุณควบคุมได้เอง
  • ถ้าคุณเชื่อว่างานเขียนของคุณมีพลัง ก็อย่าปล่อยให้มันหลับ – ถึงเวลาปลุกมันให้ตื่นอีกครั้งครับ

ทั้งหมดนี้คือคีย์เวิร์ดสำคัญที่ผมอยากฝากไว้กับทุกคนที่อยู่ในเส้นทางของการเขียนบทความ ไม่ว่าจะเป็นนักเขียนที่กำลังจะเริ่มต้น หรือคนที่มีเว็บบล็อกอยู่แล้ว และกำลังมองหาทางเชื่อมระหว่าง “ความชอบ” กับ “ระบบรายได้” ครับ หากคุณมีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง โดยเฉพาะเว็บไซต์ที่สามารถแปลงเนื้อหาเป็นคอร์สออนไลน์ได้ในอนาคต มันจะเป็นทรัพย์สินทางความรู้ที่เติบโตไปพร้อมกับคุณในทุกยุคทุกสมัยเลยนะครับ

คำแนะนำสุดท้ายจากผม ดี้ LandyCourse

ผมอยากเล่าอะไรบางอย่างให้คุณฟังครับ เพราะตลอดหลายย่อหน้าที่ผ่านมา ผมได้ลองย้อนดูทั้งเนื้อหาเก่าและมุมมองใหม่จากบทความทั้งหมด แล้วพบว่า…บางทีสิ่งที่มีค่าที่สุดในงานเขียน ไม่ใช่แค่ข้อความที่เราเคยวางไว้ แต่มันคือเจตนาเบื้องหลังที่เราอยากส่งต่อให้กับใครสักคนบนโลกนี้ ผมเชื่อว่าหลายคนที่เป็น นักเขียน หรือมีบทความที่เขียนไว้ในอดีต ยังไม่เคยได้ให้โอกาสตัวเองย้อนกลับไปสัมผัสสิ่งเหล่านั้นอีกครั้ง ทั้งที่มันอาจเป็นหนึ่งในกุญแจสำคัญที่พาคุณกลับมาเชื่อในพลังของตัวเองได้นะครับ

สิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากการสังเคราะห์เนื้อหาทั้งหมดคือ บทความที่เราเคยเขียน มันไม่ใช่แค่ความพยายามในช่วงเวลาหนึ่ง แต่มันคือเศษเสี้ยวของแรงบันดาลใจที่เคยสว่างวาบในชีวิตเราครับ แล้วมันก็ยังมีโอกาสจะเป็นประกายให้ใครอีกหลายคน ถ้าเราไม่ปล่อยให้มันจมหายไปในคลื่นของโซเชียล ผมเชื่อว่าคุณสามารถนำสิ่งเหล่านี้กลับมาได้ โดยไม่ต้องเริ่มใหม่ทุกอย่าง แค่ “รื้อฟื้น” และ “รีไรต์” ให้เข้ากับความเข้าใจในวันนี้ แค่นั้นเองครับ ไม่ต้องยากเลย ถ้าคุณทำด้วยใจ

และที่สำคัญที่สุดครับ ถ้าคุณยังไม่มีพื้นที่ของตัวเอง ผมอยากแนะนำให้คุณลองพิจารณาสร้าง เว็บบล็อก หรือ เว็บไซต์ ที่คุณควบคุมเองได้ เพราะมันคือบ้านที่คุณสามารถกลับมาจัดวางความคิด ความรู้สึก และเรื่องเล่าของคุณในจังหวะที่คุณเป็นคนกำหนดเอง ไม่ต้องรอใครมาอนุญาต ไม่ต้องไล่ตามอัลกอริทึมของแพลตฟอร์มไหนเลยครับ ผมเองเชื่อมากว่า ถ้าเรามี เว็บไซต์เรียนออนไลน์ หรือระบบที่เปิดให้คนเข้าใจความคิดของเราในแบบยาวๆ โดยไม่ถูกตัดตอน มันจะกลายเป็นเครื่องมือระยะยาวที่มั่นคง ทั้งในด้านการสื่อสารและการสร้างรายได้ครับ

ในระหว่างที่คุณกำลังสร้างพื้นที่ของตัวเองนั้น ผมอยากให้คุณไม่ลืมว่า “งานเขียน” ไม่ได้มีคุณค่าจากจำนวนยอดวิว แต่มันมีคุณค่าจากการที่ใครสักคนอ่านแล้วเกิดบางอย่างในใจครับ ไม่ว่าจะเป็นแรงบันดาลใจ แรงผลักดัน หรือแม้แต่แค่ความรู้สึกว่า “ฉันไม่เหงาแล้ว” แค่นั้นก็เพียงพอแล้วครับ เพราะนั่นคือการส่งต่อที่มีความหมายจริงๆ บางทีการเปลี่ยนแปลงของใครสักคนอาจเริ่มจากบทความของคุณก็ได้นะครับ และผมอยากให้คุณเชื่อในสิ่งนี้จริงๆ

ผมสรุปจากประสบการณ์ในการช่วยนักเขียนจำนวนมากนะครับว่า เมื่อคุณเริ่มเชื่อมเนื้อหาของตัวเองกับระบบที่มีความตั้งใจ เช่น การออกแบบบทความให้ต่อยอดไปสู่ คอร์สออนไลน์ หรือการใช้บทความเพื่อเปิดประตูให้คนเข้ามารู้จักสินค้าหรือบริการที่คุณเชื่อ มันไม่ใช่การขายครับ แต่มันคือการเปิดพื้นที่ให้ใครสักคนได้เรียนรู้และเติบโตไปพร้อมกับเราแบบเนียนๆ เลย และนี่คือวิธีที่ผมใช้กับหลายคนที่ผมช่วยสร้างระบบให้ แล้วมันก็ได้ผลแบบไม่ต้องไล่ล่า ไม่ต้องฝืนตัวเองเลยครับ

ผมอยากให้คุณลองหยุดคิดสักนิด และมองย้อนกลับไปในบทความเก่าที่คุณเคยเขียน แล้วถามตัวเองว่า “ถ้าบทความนี้มีโอกาสเปลี่ยนชีวิตใครได้อีกคนล่ะ?” คุณจะเลือกปล่อยให้มันหลับต่อไป หรือคุณจะปลุกมันให้ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เพื่อสร้างพลังใหม่ให้กับคนอื่น และกับตัวคุณเองในเวลาเดียวกัน ผมหวังดีและเชื่อว่าคุณทำได้ครับ ขอแค่คุณเริ่มวันนี้จากสิ่งที่คุณมี ไม่ต้องรอให้พร้อม แค่ลงมือทำ แล้วผลลัพธ์จะตามมาในแบบที่คุณไม่เคยคาดคิดเลยครับ

อยากทักทายหรือสอบถาม ก็ทักไลน์มาคุยกับผมได้เลยนะครับ ^^

ดี้ LandyCourse

โปรเจ็คแนะนำ

รับเว็บไซต์โปร!

เว็บไซต์โปรคุณภาพระดับมืออาชีพ ที่ผมจะติดตั้งทำระบบให้เสร็จครบๆจบๆ คุณแค่เอาไปใส่เนื้อหาเองง่ายๆ ราคาช่วงนี้แค่ 2,490 บาท ….สนใจ กดปุ่มสีแดงดูรายละเอียด หรือ ทักไลน์ปุ่มเขียวมาได้เลย

  • เว็บไซต์ที่เป็นของคุณ 100%
  • เว็บไซต์แนว บล็อก & Landing Page
  • รวมทุกอย่างครบๆ จบๆ ไม่ต้องลงทุนใดๆเพิ่มแล้ว
  • ไม่ต้องยุ่งยากทำส่วนยากๆเอง
  • ผมทำให้พร้อมดูแลให้ตลอดอายุ
  • ได้เว็บเสร็จไว ราคาไม่แพง!

Similar Posts