นักพูดที่ทำคนทั้งห้องเงียบได้ในสิบวินาที…ก็สมควรมีเว็บไซต์ที่ทำให้คนอยากฟังตั้งแต่หน้าแรก
ในยุคนี้การเป็นนักพูดที่ดีอาจไม่เพียงพออีกต่อไปครับ เพราะไม่ว่าคุณจะมีพลังในการสื่อสารมากแค่ไหน แต่ถ้าไม่มีพื้นที่ให้คนค้นเจอหรือรับฟังคุณได้แม้นอกเวที พรสวรรค์นั้นก็อาจถูกมองข้ามได้โดยง่ายนะครับ โลกดิจิทัลทำให้คนมีทางเลือกมากขึ้น และนั่นแปลว่าคุณต้องแสดงตัวตนของคุณให้ชัดเจนตั้งแต่ยังไม่ทันได้เอ่ยปากพูดเลยด้วยซ้ำครับ
เว็บไซต์จึงไม่ได้เป็นแค่แหล่งรวมประวัติหรือผลงานครับ แต่มันคือเครื่องมือที่ช่วยเปิดเวทีให้คุณได้พูดกับคนอีกมากมายที่ไม่เคยเจอคุณบนเวทีจริงๆ เว็บไซต์ที่ออกแบบมาเพื่อสื่อสารตัวตนของนักพูด สามารถกลายเป็นประตูสำคัญที่เชื่อมระหว่างคุณกับผู้ว่าจ้างที่ใช่ กับผู้ฟังที่กำลังมองหาแรงบันดาลใจในแบบของคุณครับ
นาทีแรกของเว็บไซต์คือสิ่งตัดสินว่าเขาจะฟังคุณต่อหรือไม่
นักพูดทุกคนรู้ดีว่าช่วงเวลาไม่กี่วินาทีแรกบนเวทีนั้นมีความหมายแค่ไหนครับ มันคือจังหวะที่ผู้ชมตัดสินว่าจะตั้งใจฟังต่อหรือหันไปสนใจอย่างอื่น เว็บไซต์ของคุณก็ไม่ต่างกันเลย คนที่คลิกเข้ามาครั้งแรกจะใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่วินาทีเช่นกันในการประเมินว่าคุณคือคนที่เขาอยากรู้จักหรือเปล่า ถ้าหน้าแรกไม่มีอะไรดึงดูด หรือไม่ได้สะท้อนตัวตนของคุณอย่างชัดเจน เขาอาจปิดออกไปก่อนที่จะรู้ว่าคุณมีอะไรเจ๋งๆ รออยู่ก็ได้ครับ
สิ่งที่ควรใส่ใจคือภาพรวมของหน้าแรก ตั้งแต่โทนสี รูปภาพ คำพูดที่คุณเลือกใช้ ไปจนถึงการจัดวางองค์ประกอบต่างๆ ทุกอย่างควรสื่อสารสิ่งเดียวกันคือ “ตัวคุณ” และ “พลังของคุณ” บางครั้งแค่คำพูดเพียงประโยคเดียวบนเว็บไซต์ ก็สามารถทำให้คนรู้สึกว่าอยากฟังคุณต่อ หรือรู้สึกว่าเข้าใจคุณมากขึ้นในทันทีนะครับ
ปัญหาที่ซ่อนอยู่ของนักพูดส่วนใหญ่: มีพรสวรรค์แต่ไม่มีพื้นที่โชว์ตัว
นี่เป็นปัญหาที่หลายคนไม่ทันคิดครับ นักพูดจำนวนมากที่มีความสามารถ กลับไม่มีที่ทางออนไลน์ให้คนอื่นได้รู้จักพวกเขาจริงๆ บางคนอาจหวังพึ่งแค่โซเชียลมีเดีย หรือรอให้มีคนแนะนำต่อกันไปเรื่อยๆ ซึ่งมันก็ดีในระดับหนึ่งครับ แต่พอไม่มีพื้นที่เป็นของตัวเองจริงๆ มันก็ยากที่จะเติบโตหรือวางแผนระยะยาวได้ชัดเจน
การมีเว็บไซต์เป็นของตัวเองจะเปลี่ยนจุดนี้ไปเลยครับ มันคือเวทีที่คุณควบคุมได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะอยากให้ใครเห็นอะไร อยากเล่าเรื่องยังไง หรืออยากเน้นจุดแข็งด้านใดเป็นพิเศษ คุณสามารถวางทุกอย่างให้สอดคล้องกับตัวตนได้ทั้งหมด และที่สำคัญกว่านั้นคือ คนที่สนใจสามารถค้นเจอคุณได้ทุกเมื่อ โดยไม่ต้องรอใครแนะนำครับ
หลายโอกาสดีๆ ที่นักพูดหลายคนพลาดไป ไม่ใช่เพราะไม่เก่งนะครับ แต่เพราะไม่มีใครรู้จักหรือเข้าถึงเขาได้ในเวลาที่เหมาะสม พื้นที่ออนไลน์จึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามเลยครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณกำลังมองหาทางขยายวงกว้างของอาชีพนี้ให้ไปได้ไกลกว่าที่เคยเป็น
สร้างเว็บไซต์นักพูดที่ทำให้ผู้ว่าจ้างอยากติดต่อทันที
ถ้าเรามองเว็บไซต์ในฐานะเวทีออนไลน์ของ นักพูด มืออาชีพ เว็บไซต์ที่ดีไม่ควรเป็นแค่ที่เก็บผลงานหรือโปรไฟล์แบบเดิมๆ อีกต่อไปนะครับ แต่ควรเป็นระบบที่ถูกออกแบบเพื่อ “เปลี่ยนความสนใจให้กลายเป็นการตัดสินใจจ้างงาน” แบบธรรมชาติ และน่าเชื่อถือที่สุด ซึ่งการจะทำให้เกิดสิ่งนั้นได้ เราต้องมองทุกจุดของเว็บไซต์เป็นจุดเชื่อมต่อทางจิตวิทยากับผู้ว่าจ้างครับ รายการด้านล่างนี้คือองค์ประกอบสำคัญที่เว็บไซต์ของนักพูดที่จริงจังกับอาชีพนี้ควรมีไว้ เพื่อให้เว็บไซต์กลายเป็นผู้แทนที่ทรงพลังของคุณในโลกออนไลน์
- Hero Section ที่สะท้อนตัวตน (Above-the-Fold) — จุดบนสุดของหน้าแรกที่แสดงภาพหรือวิดีโอเด่น พร้อมข้อความเปิดตัวที่สื่อสารพลังการพูดในไม่กี่วินาที
- ข้อความโปรยที่จับใจ (Value Proposition) — ประโยคสั้นๆ ที่อธิบายได้ทันทีว่าคุณเป็นใคร ช่วยแก้ปัญหาอะไร และเหมาะกับเวทีประเภทไหน
- วิดีโอ Highlight — ตัวอย่างการพูดที่ตัดมาเฉพาะช่วงที่ดีที่สุด โดยควรอยู่ในรูปแบบ Embed ที่โหลดเร็วและรองรับทุกอุปกรณ์
- Section แนะนำตัวที่สร้างความไว้วางใจ — เล่าเรื่องตัวคุณสั้นๆ ในมุมที่มีพลังและจริงใจ ไม่ใช่แค่บอกว่าเคยพูดที่ไหนมา
- หัวข้อที่เชี่ยวชาญ (Speaking Topics) — แสดงรายการหัวข้อที่คุณพูดได้ดี พร้อมคำอธิบายสั้นๆ ที่ทำให้ผู้ว่าจ้างเห็นประโยชน์ได้ทันที
- คำชมจากผู้ว่าจ้าง (Client Testimonials) — ใช้คำพูดจริงที่มีน้ำหนักจากคนที่เคยจ้างงานคุณ พร้อมชื่อองค์กรและบริบทที่ชัดเจน
- Section สำหรับ Download Profile หรือ Rate Card — เอกสารที่ผู้ว่าจ้างสามารถโหลดได้เลย เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาหรือเสนองานภายในองค์กร
- ช่องทางติดต่อที่ชัดเจน (Call-to-Action) — ปุ่มหรือลิงก์ที่พาไปยังแบบฟอร์มติดต่อหรือไลน์ได้ในคลิกเดียว พร้อมระบุว่าตอบกลับภายในกี่ชั่วโมง
- เว็บไซต์ WordPress ที่ปรับแต่งได้เอง — ใช้ระบบ เว็บไซต์สำหรับนักพูด ที่ยืดหยุ่นพอจะขยายฟีเจอร์ในอนาคต เช่น หน้า Landing Page สำหรับ Event
- SEO-Friendly Structure — โครงสร้างเนื้อหาและแท็กที่เหมาะกับการค้นหาใน Google เพื่อให้ ตัวตนออนไลน์ ของคุณเข้าถึงง่ายขึ้นครับ
ถ้าคุณกำลังคิดว่าเว็บไซต์ที่ดูน่าเชื่อถือแบบนี้จะต้องใช้เวลามากหรือต้องเขียนโค้ดอะไรยากๆ ผมบอกเลยนะครับว่าไม่จำเป็นเลย สิ่งที่สำคัญกว่าคือแนวคิดและการออกแบบประสบการณ์ให้ตอบโจทย์คนที่กำลังมองหา นักพูด ในแบบที่คุณเป็น และเมื่อองค์ประกอบทั้งหมดเชื่อมโยงกันได้ดี เว็บไซต์ของคุณก็จะกลายเป็น “ตัวแทนที่ดีที่สุด” ของคุณตลอด 24 ชั่วโมงโดยไม่ต้องพูดอะไรเลยครับ
การออกแบบเว็บไซต์ที่พูดแทนคุณได้ตั้งแต่ยังไม่เปิดเสียง
นักพูดทุกคนมีเอกลักษณ์ในการสื่อสารของตัวเองครับ บางคนใช้พลังเสียง บางคนใช้จังหวะ บางคนใช้ท่าทางประกอบ หรือแม้แต่การหยุดพูดในจังหวะที่พอดีก็ยังทรงพลัง แต่ในโลกออนไลน์ก่อนที่ใครจะได้ยินเสียงคุณ สิ่งที่เขาเห็นก่อนคือหน้าเว็บไซต์ครับ นั่นแปลว่าเว็บไซต์ควรจะเป็นตัวแทนสไตล์การพูดของคุณ ตั้งแต่วินาทีแรกที่เขาเปิดเข้ามาเลยครับ
สิ่งที่คุณสามารถใส่ลงไปในเว็บไซต์เพื่อละลายความเงียบ คือโทนสีที่สอดคล้องกับบุคลิก รูปภาพที่สะท้อนอารมณ์ที่คุณอยากให้คนจดจำ และคำโปรยสั้นๆ ที่พูดแทนตัวคุณได้ในแบบที่เป็นธรรมชาติ ทุกจุดบนเว็บไซต์คือโอกาสในการสื่อสาร และมันจะทรงพลังมากถ้าทำให้คนรู้สึกเหมือนได้ยินคุณพูดตั้งแต่ยังไม่คลิกเปิดวิดีโอเลยครับ
ผมอยากให้คุณลองย้อนกลับไปมองการพูดของตัวเองในแต่ละครั้ง แล้วลองตั้งคำถามว่า “มันมีพลังเพราะอะไร?” จากนั้นลองแปลงสิ่งนั้นให้ออกมาเป็นภาพ เสียง หรือคำพูดที่กลั่นมาอย่างกระชับ เพื่อใส่ลงในเว็บไซต์ คุณจะเริ่มเห็นว่าเว็บไซต์ไม่ได้แค่โชว์คุณครับ แต่มันกำลังพูดแทนคุณ ในรูปแบบที่คนฟังได้แม้ยังไม่ได้ยินเสียงเลยสักคำครับ
เปลี่ยนผู้ฟังให้กลายเป็นผู้ว่าจ้าง: เว็บไซต์ที่ขายคุณโดยไม่ต้องพูด
หนึ่งในจุดสำคัญที่สุดที่เว็บไซต์ควรทำให้ได้คือการเปลี่ยนความสนใจให้กลายเป็นการตัดสินใจครับ เราอาจจะพูดเก่งแค่ไหนก็ตาม แต่ถ้าผู้ชมรู้สึกดีแล้วไม่รู้จะติดต่อคุณยังไง หรือหาข้อมูลเพิ่มเติมไม่ได้ ทุกอย่างก็จะหยุดแค่ “ความชอบ” ครับ ไม่ได้กลายเป็น “การจ้างงาน” อย่างที่ควรจะเป็น
เว็บไซต์ที่ดีควรมีจุดที่เรียกกันว่า Conversion Point ครับ ไม่ว่าจะเป็นปุ่มติดต่อกลับ ช่องให้กรอกอีเมล หรือปุ่มจองคิวพูด ทุกอย่างควรอยู่ในตำแหน่งที่มองเห็นง่ายและชวนให้คลิก นอกจากนั้นยังต้องทำให้รู้สึกว่าคุณ “พร้อม” ที่จะพูดคุยและรับงานใหม่ ไม่ใช่แค่เอาผลงานมาวางไว้เฉยๆ แล้วปล่อยให้คนคิดเอาเองครับ
บางทีแค่มีข้อความทิ้งท้ายที่กระตุ้นเบาๆ เช่น “หากคุณกำลังมองหานักพูดที่จะเติมพลังให้กับเวทีของคุณ ผมยินดีที่จะเป็นคนนั้น” ก็อาจช่วยเปลี่ยนความรู้สึกให้กลายเป็นการคลิกติดต่อทันทีได้เลยครับ มันคือการสื่อสารแบบเงียบๆ ที่ทรงพลัง เพราะมันไม่ได้ขายตัวเองตรงๆ แต่มันทำให้เขาอยากยื่นมือมาหาคุณก่อนครับ
ใช้เว็บไซต์ผลักดัน Personal Brand ของนักพูดให้เป็นที่จดจำ
ถ้าการพูดคือศิลปะการถ่ายทอดตัวตนออกมาผ่านเสียงและคำ เว็บไซต์ก็เป็นศิลปะของการถ่ายทอดตัวตนผ่านภาพและเนื้อหาครับ นักพูดที่ต้องการจะเติบโตในสายนี้ในระยะยาว ไม่ควรมองเว็บไซต์เป็นแค่ที่โชว์ผลงาน แต่ควรมองว่าเป็นเครื่องมือหลักในการสร้าง Personal Brand ที่ชัดเจนและยืนระยะได้จริงครับ
Personal Brand ที่ดีจะทำให้คนจดจำคุณได้แม้ยังไม่เคยฟังคุณพูดครับ ซึ่งเว็บไซต์สามารถแสดงภาพลักษณ์นั้นออกมาได้อย่างครบถ้วน ตั้งแต่ภาพรวมของโทนเว็บไซต์ไปจนถึงเนื้อหาที่คุณเลือกนำเสนอ จุดเด่นของคุณคืออะไร? สไตล์การพูดแบบไหนที่คุณถนัด? หัวข้อไหนที่คุณอยากให้คนเชื่อมโยงกับชื่อของคุณ? ทั้งหมดนี้สามารถกลั่นออกมาเป็นโครงสร้างเว็บไซต์ที่ทรงพลังได้เลยครับ
ยิ่งคุณมีตัวตนที่ชัดเจนมากเท่าไร เว็บไซต์ก็จะทำหน้าที่สะท้อนสิ่งนั้นได้มากขึ้นครับ และเมื่อใครก็ตามเปิดเว็บไซต์คุณขึ้นมา พวกเขาจะไม่เห็นแค่นักพูดคนหนึ่ง แต่จะรู้สึกเหมือนรู้จักคุณ รู้ว่าคุณมีจุดยืนแบบไหน และอยากติดตามต่อครับ นั่นแหละครับคือ Personal Brand ที่เว็บไซต์สามารถสร้างให้คุณได้อย่างเต็มรูปแบบ
ถึงเวลาที่นักพูดต้องพูดผ่านเว็บไซต์ให้เป็น
ในโลกที่ทุกคนเข้าถึงกันผ่านหน้าจอ สิ่งที่คุณพูดบนเวทีอาจไม่เพียงพออีกต่อไปครับ เพราะคนส่วนใหญ่จะรู้จักคุณผ่านเว็บไซต์ก่อนเห็นคุณตัวจริงด้วยซ้ำ แล้วถ้าเว็บไซต์ของคุณยังเงียบอยู่ หรือไม่สามารถบอกเล่าเรื่องราวของคุณได้อย่างที่ควรจะเป็น มันก็เท่ากับว่าคุณกำลังพลาดโอกาสพูดกับผู้ฟังนับไม่ถ้วนเลยนะครับ
เว็บไซต์คือเวทีเสมือนที่คุณสร้างขึ้นได้ด้วยตัวเอง และที่สำคัญกว่านั้นคือคุณสามารถ “พูดได้ตลอดเวลา” แม้ตัวคุณจะไม่ได้อยู่ตรงนั้นเลยครับ ลองคิดดูว่าในขณะที่คุณกำลังนอนหลับ หรือกำลังใช้เวลากับครอบครัว เว็บไซต์ของคุณอาจกำลังทำงานแทนคุณอยู่ พาคนใหม่ๆ เข้ามารู้จัก และอาจเปลี่ยนเขาให้กลายเป็นผู้ว่าจ้างในวันถัดไปได้แบบไม่รู้ตัวเลยครับ
อย่ารอให้โอกาสวิ่งผ่านไปเฉยๆ เพราะแค่คุณเริ่มสร้างเว็บไซต์อย่างจริงจัง มันก็เท่ากับว่าคุณได้พูดสิ่งสำคัญกับโลกใบนี้ไปแล้วโดยไม่ต้องใช้เสียงเลยครับ และนั่นแหละครับ…คือการพูดในแบบที่ทรงพลังที่สุดแบบหนึ่งเท่าที่ผมเคยเห็นมาเลยครับ
กุญแจสู่ความสำเร็จ (Key to Success)
ถ้าอยากให้เว็บไซต์นักพูดของคุณมีพลังสื่อสารแทนตัวคุณได้จริง ลิสต์นี้คือสิ่งที่ควรมีครับ
- หน้าแรกต้องสื่อสารพลังได้ทันที ภายในไม่กี่วินาที
- แสดงตัวตนอย่างชัดเจน ผ่านโทน สี คำ และภาพ
- มีเวทีออนไลน์ที่ควบคุมได้เอง ไม่ต้องรอโชคช่วย
- ใส่จุดเชื่อมต่อสู่การติดต่อ ไว้อย่างชัดเจน
- เปลี่ยนความสนใจให้เป็นการจ้างงาน ด้วยองค์ประกอบที่น่าเชื่อถือ
- ใช้เว็บไซต์เป็นตัวสร้าง Personal Brand ที่คนจดจำได้
- ออกแบบให้พูดแทนคุณ แม้ไม่มีเสียงประกอบ
- เล่าเรื่องแบบคุณ ด้วยภาษาที่เป็นธรรมชาติของตัวเอง
- เน้นสไตล์การพูดเฉพาะตัว ตั้งแต่เลย์เอาท์จนถึงคำโปรย
- ให้เว็บไซต์ทำงานแทนคุณ ตลอด 24 ชั่วโมงครับ
คำแนะนำสุดท้ายจากผม ดี้ LandyCourse
สิ่งหนึ่งที่ผมเชื่อมาตลอดก็คือ การพูดเก่งไม่ใช่จุดจบของนักพูด แต่มันเป็นเพียงจุดเริ่มต้นครับ เพราะไม่ว่าคุณจะมีพลังในน้ำเสียงมากแค่ไหน สร้างแรงบันดาลใจให้คนในห้องได้มากขนาดไหน ถ้าคนข้างนอกไม่รู้จักคุณ หรือไม่มีพื้นที่ให้เขาได้ค้นพบคุณ โอกาสก็คงไม่มีทางมาถึงครับ เราอยู่ในยุคที่คำพูดทรงพลังไม่ได้เกิดขึ้นแค่ต่อหน้าผู้ชม แต่มันเกิดขึ้นผ่านหน้าจอ ผ่านเว็บไซต์ ผ่านการสื่อสารที่ไม่มีเสียงพูดเลยสักคำ เพราะฉะนั้น นักพูด ในวันนี้จึงต้องเรียนรู้ที่จะ “พูดผ่านเว็บไซต์” ให้เป็น และต้องสร้างพื้นที่ของตัวเองขึ้นมาอย่างมืออาชีพนะครับ
เว็บไซต์ที่ดีไม่ใช่แค่มีข้อมูลครบ แต่คือการออกแบบประสบการณ์ที่ทำให้คนที่เข้ามาแล้วรู้สึกว่า “คนนี้แหละที่ใช่” ไม่ว่าจะเป็น หน้าแรกที่สะกดใจ ภาพที่สื่อพลัง คำพูดที่ตรงใจ หรือแม้แต่ปุ่มติดต่อที่วางไว้ในตำแหน่งที่ใช่ ทุกอย่างล้วนมีผลต่อความรู้สึกของผู้ชมครับ เหมือนเวลาเราขึ้นพูดแล้วทุกอย่างบนเวทีมันสื่อไปในทิศทางเดียวกัน มันไม่ใช่แค่เสียง แต่มันคือการจัดวางพลังทั้งหมดให้ลงตัว เว็บไซต์ก็เหมือนกันครับ ถ้าคุณตั้งใจออกแบบ มันจะเป็นตัวแทนที่พูดแทนคุณได้ดีกว่าโปรไฟล์ในแพลตฟอร์มไหนๆ เพราะมันคือของคุณจริงๆ และคุณควบคุมมันได้ทั้งหมดครับ
ผมอยากให้ทุกคนที่เป็นนักพูด มองเว็บไซต์ไม่ใช่แค่แหล่งรวมผลงานนะครับ แต่ให้มองว่าเป็น เวทีที่คุณสามารถยืนพูดได้ตลอด 24 ชั่วโมง แม้จะไม่มีผู้ชมอยู่ตรงหน้า ไม่มีไฟส่อง ไม่มีไมค์ในมือ แต่คุณกำลังพูดกับใครบางคนอยู่เสมอ เว็บไซต์มีพลังแบบนั้นครับ และยิ่งถ้าคุณใส่ความจริงใจลงไปในเนื้อหา สื่อสารด้วยภาษาที่เป็นตัวเอง มีจุดยืนที่ชัดเจนในสิ่งที่คุณพูด มันจะยิ่งทำให้คนที่เข้ามารู้สึกว่ารู้จักคุณทันที และนั่นแหละครับคือจุดเริ่มต้นของการถูกจ้างงานโดยที่ไม่ต้องพูดเองเลยแม้แต่คำเดียว
อีกสิ่งที่สำคัญคือ อย่ากลัวที่จะแสดงตัวตนครับ บางคนอาจรู้สึกว่าเว็บไซต์ต้องดูเรียบร้อย หรือเป็นทางการเกินไป แต่ในความเป็นจริงแล้ว เว็บไซต์สำหรับนักพูด ที่มีเอกลักษณ์ชัดเจนต่างหาก ที่ทำให้คนรู้สึกว่าอยากรู้จักต่อ ไม่ว่าจะเป็นโทนสี รูปภาพ หรือเนื้อหาที่สะท้อนสไตล์การพูดของคุณ ถ้าคุณใช้เว็บไซต์เป็นช่องทางในการแสดงความคิด วิธีการสื่อสาร หรือเรื่องราวที่คุณเชื่อมั่น มันจะกลายเป็นจุดเชื่อมต่อที่ทรงพลังมาก และที่สำคัญคือมันจะช่วย สร้าง Personal Brand ของคุณให้ติดอยู่ในใจคนได้ยาวนานกว่าการพูดบนเวทีเพียงครั้งเดียวครับ
สุดท้ายนี้ ผมอยากให้คุณมองเว็บไซต์ไม่ใช่แค่หน้าที่ของนักออกแบบหรือทีมเทคนิค แต่เป็นหน้าที่ของคุณเองในฐานะเจ้าของเสียงที่อยากให้โลกฟัง ถ้าเสียงของคุณมีพลังพอที่จะเปลี่ยนชีวิตใครบางคนได้ อย่าปล่อยให้มันหายไปเพราะคุณไม่มีเวทีออนไลน์เป็นของตัวเองนะครับ เริ่มต้นจากสิ่งเล็กๆ อย่างการจัดหน้าแรกให้น่าสนใจ เติมเนื้อหาที่สะท้อนตัวตน และวางเป้าหมายว่าอยากให้เว็บไซต์นี้ทำหน้าที่อะไรให้คุณ แล้วลงมือทำให้มันเกิดขึ้นจริง อย่ารอให้ใครมาเห็นพรสวรรค์คุณโดยบังเอิญ เพราะวันนี้คุณสร้างเวทีนั้นขึ้นเองได้เลยครับ
อยากทักทายหรือสอบถาม ก็ทักไลน์มาคุยกับผมได้เลยนะครับ ^^
“ดี้ LandyCourse”
รับเว็บไซต์โปร!
เว็บไซต์โปรคุณภาพระดับมืออาชีพ ที่ผมจะติดตั้งทำระบบให้เสร็จครบๆจบๆ คุณแค่เอาไปใส่เนื้อหาเองง่ายๆ ราคาช่วงนี้แค่ 2,490 บาท ….สนใจ กดปุ่มสีแดงดูรายละเอียด หรือ ทักไลน์ปุ่มเขียวมาได้เลย