ถ้าคุณเคยสร้างแผนให้คนอื่นเปลี่ยนธุรกิจได้…แปลว่าเนื้อหาในหัวคุณน่าจะมีมูลค่ากว่าที่คุณคิด
ถ้าคุณคือหนึ่งในนักวางแผนที่เคยช่วยให้ธุรกิจคนอื่นเติบโตหรือเปลี่ยนแปลงมาแล้วนับไม่ถ้วน ผมอยากชวนคุณหยุดคิดสักนิดครับ ว่าสิ่งที่คุณมีอยู่ในหัวตอนนี้ มันอาจมีมูลค่ามากกว่าที่คุณคิดนะครับ เพราะหลายครั้งที่เราให้คำแนะนำไปฟรีๆ หรืออธิบายแผนในห้องประชุมโดยไม่ได้เก็บอะไรไว้เลย ทั้งที่แผนเหล่านั้นทำให้คนอื่นสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ แล้วเราได้อะไรกลับมาบ้าง? ถ้ายังไม่มีคำตอบที่ชัด ผมว่าคุณน่าจะลองมองสิ่งที่คุณทำในอีกมุมหนึ่งดูครับ
นักวางแผนที่มีประสบการณ์: ทำไมความรู้ของคุณถึงควรเป็นสินทรัพย์
สิ่งที่คุณสะสมมาตลอดทั้งชีวิตการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นแนวคิด กลยุทธ์ หรือวิธีแก้ปัญหาเฉพาะหน้า มันคือ “Framework” ที่ไม่สามารถลอกเลียนแบบกันได้ง่ายๆ เลยนะครับ เพราะมันมาจากประสบการณ์จริงที่ลงมือทำ ผ่านกระบวนการคิดวิเคราะห์ที่เฉพาะตัว คนอื่นอาจเลียนแบบได้บางส่วน แต่ไม่ใช่ทั้งหมด และนั่นแหละครับคือสิ่งที่คุณมีแต่คนอื่นไม่มี ซึ่งมันมีค่าอย่างมากในโลกออนไลน์ปัจจุบัน ที่ผู้คนกำลังมองหาความรู้เฉพาะทางที่นำไปใช้ได้จริง
คุณอาจจะยังไม่เห็นมันเป็น “สินทรัพย์” เพราะไม่เคยหยิบมันออกมาจากหัวตัวเองเพื่อจัดวางอย่างเป็นระบบ แต่เมื่อไหร่ที่คุณเริ่มทำแบบนั้น คุณจะเห็นทันทีเลยครับว่าสิ่งที่คุณเคยพูดออกไปแค่ครั้งเดียว มันสามารถกลายเป็นบทเรียน หรือแม้แต่คอร์สออนไลน์ที่สร้างรายได้ให้คุณซ้ำแล้วซ้ำอีก โดยที่คุณไม่ต้องพูดเรื่องเดิมๆ ซ้ำอีกเลยครับ
หากคุณวางแผนให้ลูกค้าแล้ว “เขารวยขึ้น” แต่คุณยังไม่ได้อะไรเลย นี่คือสิ่งที่ควรคิดใหม่
ผมเคยได้ยินนักวางแผนหลายคนพูดว่า “ผมช่วยให้ลูกค้ากลับมีกำไรปีละหลายล้าน แต่ตัวผมเองยังไม่มีระบบสร้างรายได้เลยครับ” ฟังแล้วก็รู้สึกเสียดายนะครับ เพราะนั่นหมายความว่า คุณกำลังมอบของล้ำค่าให้คนอื่นไป โดยที่ยังไม่เคยเก็บมันมาใช้สร้างอะไรให้ตัวเองเลยสักครั้ง
ลองคิดตามนี้นะครับ ถ้าสิ่งที่คุณเคยพูดกับลูกค้า ทำให้เขาเปลี่ยนธุรกิจ กลับมาทำเงินได้อย่างยั่งยืน แล้วทำไมเนื้อหาเหล่านั้นถึงไม่กลายเป็น “ทรัพย์สินของคุณ” บ้างล่ะครับ ผมไม่ได้หมายถึงการเรียกเก็บเงินจากทุกคำพูดนะครับ แต่กำลังพูดถึงการสร้างพื้นที่ออนไลน์ ที่คุณสามารถรวบรวมแนวคิด แนวทาง และแผนงานที่เคยใช้ได้ผลมาไว้ในที่เดียว เพื่อให้คนที่สนใจเข้ามาเรียนรู้ แลกเปลี่ยน หรือแม้แต่ซื้อความรู้ของคุณในรูปแบบที่จับต้องได้
บางครั้งคุณไม่จำเป็นต้องสอนทุกอย่างในครั้งเดียวด้วยซ้ำครับ คุณแค่ค่อยๆ ปล่อยบางส่วนออกมา แล้วสังเกตปฏิกิริยาของคนที่เข้ามาอ่านหรือฟัง ถ้าเขารู้สึกว่า “เฮ้ย มันใช่เลย” นั่นแหละครับคือสัญญาณที่ชัดที่สุดว่าความรู้ของคุณมีคุณค่ามากกว่าที่คุณคิด และควรเก็บมันไว้อย่างเป็นระบบได้แล้วครับ
จากกระดาษสู่คอร์สออนไลน์: เปลี่ยน Framework วางแผนให้กลายเป็นรายได้
การเปลี่ยน Framework วางแผนที่เคยใช้กับลูกค้าให้กลายเป็น คอร์สออนไลน์ ไม่ได้ยากอย่างที่หลายคนคิดนะครับ เพราะในความเป็นจริงแล้ว แก่นของสิ่งที่คุณเคยทำไว้ล้วนสามารถนำมาพัฒนาให้กลายเป็นบทเรียนได้ ถ้ารู้จักวิธีสกัดและจัดโครงสร้างอย่างเป็นระบบ ซึ่งในขั้นตอนนี้คุณสามารถใช้เทคนิคระดับมืออาชีพได้เต็มที่เลยครับ เพราะยิ่งคุณทำให้เนื้อหาดูเป็นระบบมากเท่าไหร่ ความน่าเชื่อถือของคุณในฐานะ นักวางแผน ก็จะยิ่งชัดเจนมากขึ้น และต่อไปนี้คือลิสต์รายการที่สามารถใช้เป็นแนวทางในการเปลี่ยนจากกระดาษที่เต็มไปด้วยบันทึก ให้กลายเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่สร้างรายได้จริงครับ
- Identify Core Framework (ระบุแกนหลักของ Framework ที่คุณเคยใช้ได้ผลมาแล้วจริงๆ)
- Segment the Structure (แบ่ง Framework ออกเป็นโมดูลหรือบทเรียนย่อยที่มีจุดเริ่มต้น-จุดจบชัดเจน)
- Define Learning Outcome (กำหนดว่าผู้เรียนควรได้อะไรในแต่ละบทเรียน)
- Storyboarding the Course (วางแผนภาพรวมของคอร์สแบบ Step-by-Step เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจ Flow)
- Create Content Assets (ผลิตสื่อการเรียนรู้ เช่น Slide, Video, Infographic ที่เสริม Framework)
- Choose Content Format (กำหนดว่าจะนำเสนอแต่ละบทในรูปแบบไหน เช่น วิดีโอ บทความ แบบฝึกหัด)
- Design Learner’s Journey (สร้างเส้นทางเรียนรู้ที่มีจุดเริ่มและจุดจบ พร้อมจุด Checkpoint ให้ผู้เรียนรู้ว่ากำลังไปถึงไหน)
- Integrate Assessments (ออกแบบ Quiz หรือ Mini Projects เพื่อวัดผลในแต่ละตอน)
- Build with WordPress (สร้างคอร์สผ่าน เว็บไซต์คอร์ส ที่ใช้ระบบ LMS ได้เต็มประสิทธิภาพ)
- Launch MVP Version (ปล่อยคอร์สเวอร์ชันทดลองเพื่อทดสอบ Feedback ก่อนเปิดตัวจริง)
- Apply Feedback Loop (ปรับปรุงคอร์สจากเสียงตอบรับของผู้เรียนแบบ Iteration)
- Setup Monetization Funnel (วางโครง Funnel เพื่อเปลี่ยนผู้สนใจให้กลายเป็นลูกค้า)
- Optimize for Scalability (วางแผนต่อยอดให้คอร์สเติบโต เช่น สร้าง Series หรือทำเป็น Bundle)
ทุกกระบวนการที่คุณได้ทำมานั้น ไม่ได้เป็นแค่ขั้นตอนทางเทคนิคครับ แต่มันคือกระบวนการสร้าง “คุณค่า” ที่มีความหมายกับคนที่ต้องการคำแนะนำจากคุณจริงๆ ถ้าคุณเริ่มทำตอนนี้ คุณจะเห็นว่าจากแค่กระดาษหนึ่งใบ หรือโน้ตที่เคยเก็บไว้ กลายเป็นธุรกิจความรู้ที่คุณสามารถสร้างรายได้ซ้ำๆ ได้ในระยะยาวแบบไม่ต้องเริ่มต้นใหม่ทุกครั้งครับ และถ้าคุณอยากเริ่มจากตรงไหน ผมว่าแค่คุณหยิบ Framework เดิมขึ้นมาดูอีกครั้ง นั่นแหละครับ คือจุดเริ่มต้นที่ทรงพลังที่สุดแล้วครับ
เริ่มต้นแบบง่ายที่สุด: ใช้สิ่งที่คุณมี สร้างเวอร์ชันทดลองเพื่อพิสูจน์ความต้องการ
หลายคนกลัวคำว่า “คอร์สออนไลน์” เพราะคิดว่ามันต้องอลังการ มีแสงสีเสียงจัดเต็ม หรือเนื้อหาหนักๆ แบบที่ใช้สอนทั้งเทอม จริงๆ แล้วคุณเริ่มจากเวอร์ชันทดลองได้เลยนะครับ โดยใช้สิ่งที่คุณเคยสอนไปแล้วนั่นแหละ ไม่ว่าจะเป็นสไลด์ที่เคยใช้ โจทย์ที่เคยให้ หรือคำถามที่ลูกค้าชอบถามซ้ำๆ ก็สามารถเปลี่ยนเป็นบทเรียนขนาดย่อมได้ครับ
วิธีนี้จะช่วยให้คุณประเมินได้ง่ายๆ ว่ากลุ่มเป้าหมายมีความสนใจในเนื้อหาของคุณแค่ไหน และยังช่วยให้คุณปรับปรุงเนื้อหาก่อนที่จะลงแรงทำของจริงแบบเต็มระบบอีกด้วยครับ บางครั้งแค่โพสต์ตัวอย่างเนื้อหาสั้นๆ หรือเปิด Mini Session แบบออนไลน์ให้คนเข้ามาลอง ก็พอจะเห็นสัญญาณตอบรับแล้วครับ ว่าควรไปต่อไหม
สิ่งที่ผมอยากย้ำคือ อย่ารอให้ทุกอย่างพร้อมแล้วค่อยเริ่มครับ เพราะโอกาสบางทีมันมาในตอนที่เรายังไม่พร้อมนี่แหละ แล้วถ้าเราไม่มีอะไรให้คนลองเลยสักอย่าง โอกาสนั้นก็อาจจะหลุดมือไปเฉยๆ แบบไม่ทันตั้งตัวนะครับ
นักวางแผนไม่ต้องพูดเก่งก็ขายได้ ถ้ามีระบบขายที่เข้าใจคุณ
พูดกันตรงๆ เลยนะครับ ไม่ใช่นักวางแผนทุกคนจะชอบการพูดขายหรือพรีเซนต์อะไรบ่อยๆ ผมเข้าใจดีเลยครับ บางคนเก่งมากตอนอยู่กับแผนงานหรืออยู่กับลูกค้า แต่พอจะให้พูดหน้ากล้อง หรืออัดวิดีโอขายคอร์ส กลับรู้สึกไม่มั่นใจ หรือไม่รู้จะเริ่มต้นจากตรงไหนก่อนด้วยซ้ำ
ข่าวดีคือ คุณไม่จำเป็นต้องเป็นนักพูดเก่งเพื่อจะขายของได้ครับ เพราะถ้าคุณมี “ระบบ” ที่เข้าใจว่าคุณเป็นใคร จุดแข็งคุณอยู่ตรงไหน และลูกค้าของคุณต้องการอะไร ระบบนั้นจะช่วยแทนคุณพูด แทนคุณขาย และแทนคุณแนะนำทุกอย่าง โดยที่คุณแค่จัดวางเนื้อหาให้อยู่ในที่ๆ เหมาะสมเท่านั้นเองครับ
ระบบที่ผมพูดถึงอาจเริ่มต้นง่ายๆ จากการมีเว็บไซต์คอร์สที่ทำหน้าที่เหมือนหน้าร้านออนไลน์ให้คุณ หรือ Funnel ที่ออกแบบมาให้เข้าใจเส้นทางของลูกค้าก่อนซื้อจริงๆ ไม่ใช่แค่โยนลิงก์ให้แล้วจบ ถ้าระบบเหล่านี้ทำงานแทนคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ คุณไม่ต้องออกไปพูดขายซ้ำๆ อีกต่อไปครับ
อย่าลืมนะครับว่า ความรู้ที่คุณมีมันทรงพลังมากอยู่แล้ว แค่มีระบบช่วยจัดการและนำเสนอให้เหมาะสม คนก็พร้อมจะซื้อจากคุณ โดยที่คุณไม่จำเป็นต้องพูดเก่งเลยสักนิดครับ
Personal Brand ของนักวางแผน เริ่มจากอะไร และทำไมไม่ควรเริ่มช้า
ถ้าคุณยังไม่มีแบรนด์ส่วนตัวเลยตอนนี้ ผมว่าอย่าเพิ่งรีรอนะครับ เพราะ Personal Brand ไม่ได้แปลว่าคุณต้องกลายเป็นอินฟลูเอนเซอร์ หรือโชว์ตัวให้เยอะๆ เสมอไป แต่คือการทำให้คนจดจำคุณได้ในแบบที่คุณอยากให้เขาเห็นครับ โดยเฉพาะนักวางแผนที่ขายความคิดและประสบการณ์ การมีตัวตนออนไลน์ที่เชื่อถือได้จะช่วยเปิดประตูสู่โอกาสมากมายเลยครับ
การเริ่มต้นอาจง่ายกว่าที่คิด แค่คุณมีที่ๆ หนึ่งไว้เล่าเรื่องราวของคุณ แชร์ประสบการณ์ หรือพูดถึงแนวคิดที่คุณใช้วางแผนให้ลูกค้า เช่น เว็บไซต์ส่วนตัว, Landing Page หรือบล็อกที่ออกแบบมาให้สะท้อนความเป็นคุณ สิ่งเหล่านี้จะทำให้คนเริ่มรู้จัก และค่อยๆ สะสมความน่าเชื่อถือให้คุณครับ
ถ้ารอให้ทุกอย่างพร้อมหรือรอให้มีชื่อเสียงก่อนค่อยทำ ผมบอกได้เลยว่าอาจช้าเกินไปครับ เพราะคนที่เริ่มก่อนมักได้เปรียบ และ Personal Brand ที่ถูกสร้างขึ้นจากความสม่ำเสมอจะยั่งยืนกว่าการโปรโมตครั้งใหญ่ๆ เพียงไม่กี่ครั้งแน่นอนครับ
เมื่อ Framework ของคุณเริ่มขายได้: กลยุทธ์ต่อยอดให้คอร์สของคุณโตแบบยั่งยืน
สมมติว่าคุณเริ่มต้นคอร์สออนไลน์ไปแล้ว และเริ่มมีคนซื้อ มีฟีดแบกดีๆ กลับมา นั่นแหละครับคือเวลาที่ควรมองหากลยุทธ์ต่อยอด เพื่อไม่ให้คอร์สของคุณขายได้แค่รอบเดียวแล้วเงียบหาย แต่กลายเป็นสิ่งที่โตต่อเนื่องได้เรื่อยๆ ครับ
หนึ่งในวิธีที่ง่ายที่สุดคือ การรวมคอร์สเป็น Bundle หรือแพ็กเกจที่ช่วยให้คนเรียนรู้ได้ลึกขึ้นและครอบคลุมขึ้นครับ หรือคุณอาจสร้าง Webinar ประจำเดือนเพื่อพูดคุยเจาะลึกหัวข้อที่น่าสนใจ หรือแม้แต่ทำระบบสมาชิกที่มีคอนเทนต์ใหม่ๆ เข้ามาเสมอ สิ่งเหล่านี้ช่วยให้คุณไม่ต้องไล่ล่าลูกค้าใหม่ตลอดเวลา และยังสร้างรายได้ประจำให้คุณอีกด้วยครับ
นอกจากนี้ยังสามารถเปิดรับ Feedback จากผู้เรียนเพื่อพัฒนาคอร์สให้ดีขึ้น และค่อยๆ สร้างทีมงานหรือผู้ช่วยที่มาช่วยขยายขอบเขตงานของคุณออกไป แบบที่คุณไม่ต้องลงมือทุกอย่างด้วยตัวเองเสมอครับ มันคือการเปลี่ยนจาก “งานของคุณ” ไปสู่ “ระบบของคุณ” ที่ทำงานได้แม้ในวันที่คุณหยุดพักครับ
เปลี่ยนจากคนให้คำปรึกษา → เจ้าของธุรกิจความรู้ ที่ลูกค้าตามหาคุณ
จุดเปลี่ยนที่น่าสนใจของนักวางแผนหลายคน คือวันที่พวกเขาหยุดวิ่งหาลูกค้า แล้วกลายเป็นคนที่ “ลูกค้าตามหา” แทนครับ มันไม่ได้เกิดขึ้นจากความบังเอิญ แต่มาจากการวางรากฐานให้ตัวเองกลายเป็นเจ้าของ “ธุรกิจความรู้” อย่างแท้จริง
เจ้าของธุรกิจความรู้ ไม่ได้หมายถึงแค่คนที่มีคอร์สออนไลน์นะครับ แต่คือคนที่มีเนื้อหาที่จัดระบบดี มีช่องทางขายที่ชัดเจน และมีภาพลักษณ์ที่คนเชื่อถือมากพอจะตัดสินใจเรียนรู้ด้วย ตัวตนของคุณจึงสำคัญมาก เพราะมันจะสะท้อนผ่านทุกจุดที่ลูกค้าเจอคุณ ตั้งแต่เว็บไซต์ เนื้อหา ไปจนถึงบริการหลังบ้านเลยครับ
เมื่อทุกอย่างลงตัว คุณจะไม่ต้องวิ่งหาโปรเจกต์ใหม่อยู่ตลอด หรือเฝ้ารอแค่คำแนะนำแบบปากต่อปากอีกต่อไป แต่จะมีคนเข้ามาหาคุณด้วยความเต็มใจ เพราะเขารู้ว่าคุณคือคนที่ช่วยเปลี่ยนแปลงบางสิ่งให้เขาได้ และนั่นแหละครับ คือจุดเริ่มต้นของธุรกิจที่ยั่งยืนจริงๆ
กุญแจสู่ความสำเร็จ (Key to Success)
ถ้าคุณเป็นนักวางแผนที่เคยเปลี่ยนชีวิตหรือธุรกิจของใครมาแล้ว อย่าปล่อยให้ความรู้นั้นตกหล่นไปฟรีๆ อีกเลยนะครับ นี่คือรายการเช็คลิสต์เด็ดๆ ที่ควรใช้เป็นแนวทางเพื่อเปลี่ยนความรู้ในหัวคุณให้กลายเป็นธุรกิจความรู้ที่สร้างรายได้อย่างยั่งยืนครับ
- เปลี่ยน Framework ที่เคยใช้กับลูกค้าให้กลายเป็นสินทรัพย์ดิจิทัล
- อย่าแจกฟรีอีกต่อไป ถ้าเคยวางแผนแล้วทำให้คนอื่นสำเร็จมาแล้ว
- เริ่มต้นจากสิ่งที่มี ไม่ต้องรอให้ทุกอย่างพร้อม
- ระบบขายที่เข้าใจคุณ จะขายแทนคุณแม้คุณไม่พูดเก่ง
- Personal Brand คือสะพานเชื่อมความเชื่อมั่นกับรายได้
- ทดสอบเวอร์ชันทดลองก่อนลงมือสร้างคอร์สใหญ่
- ใช้เว็บไซต์คอร์สและ Funnel ให้ทำงานแทนแรงคุณ
- ต่อยอดจากสิ่งที่ขายได้แล้วให้กลายเป็นระบบที่ยั่งยืน
- กลายเป็นคนที่ลูกค้าตามหา ไม่ต้องไล่ล่าลูกค้าอีกต่อไป
สิ่งเหล่านี้แหละครับ คือหัวใจของการเปลี่ยนจากแค่ “คนให้คำปรึกษา” ไปสู่การเป็นเจ้าของธุรกิจความรู้ที่มั่นคง ไม่ใช่แค่เรื่องเทคนิค แต่คือมุมมองใหม่ที่อยากให้คุณเริ่มลงมือจากจุดที่คุณยืนอยู่ตอนนี้เลยนะครับ
คำแนะนำสุดท้ายจากผม ดี้ LandyCourse
ผมอยากจะชวนคุณลองมองตัวเองในมุมใหม่สักนิดนะครับ โดยเฉพาะถ้าคุณเป็นคนที่เคยช่วยให้คนอื่นเปลี่ยนชีวิต หรือเปลี่ยนธุรกิจได้สำเร็จมาแล้วหลายครั้ง แบบที่ไม่เคยเรียกมันว่า “คอร์ส” ไม่เคยคิดว่ามันคือ “สินค้า” หรือแม้แต่ไม่เคยเก็บสิ่งที่พูดไว้ในที่ประชุมสักครั้งเลย คุณอาจจะยังไม่รู้ว่า สิ่งที่คุณมีอยู่นั้นมันคือสินทรัพย์ที่คนอีกมากมายกำลังมองหาอยู่ เพียงแต่พวกเขาไม่รู้ว่าคุณมีมันอยู่ครับ เพราะคุณเองก็ยังไม่เคยประกาศออกไปว่าคุณพร้อมจะสอน พร้อมจะถ่ายทอด หรือพร้อมจะส่งต่อความรู้แบบเป็นระบบเลยสักครั้ง
จากประสบการณ์ที่ผมเคยเจอมา ความรู้ที่ใช้ได้จริง ไม่ได้อยู่ในห้องเรียนเสมอไป แต่มักจะอยู่ในบันทึกของนักวางแผน ในคำแนะนำเล็กๆ ระหว่างการประชุม หรืออยู่ใน Framework ที่คุณเคยคิดขึ้นมาเฉพาะกิจเพื่อช่วยให้ลูกค้าก้าวข้ามอุปสรรคตรงหน้า สิ่งเหล่านี้แหละครับที่ควรจะถูกหยิบมาใช้งานต่อ โดยการเปลี่ยนมันให้กลายเป็นคอร์ส เป็นคอนเทนต์ หรือเป็นสินค้าดิจิทัลที่สร้างรายได้ให้คุณในระยะยาว โดยไม่ต้องวิ่งหาลูกค้าใหม่ตลอดเวลา ซึ่งมันเป็นแนวทางของการทำ เว็บไซต์คอร์สออนไลน์ ที่ไม่ได้ซับซ้อนหรือยากอย่างที่หลายคนกลัวเลยครับ
คุณไม่จำเป็นต้องพูดเก่ง ไม่ต้องเป็นอินฟลูเอนเซอร์ และไม่ต้องเริ่มจากการสร้างอะไรที่ใหญ่โตเกินตัวเลยครับ แค่เริ่มต้นจากสิ่งที่คุณมีอยู่ในตอนนี้ แล้วค่อยๆ ทดสอบด้วยเวอร์ชันทดลองให้รู้ว่าคนอยากเรียนรู้เรื่องอะไรจากคุณจริงๆ แล้วค่อยขยายออกเป็นระบบ การมี Personal Brand ไม่ได้แปลว่าคุณต้องเปิดหน้าทุกวัน แต่อาจเป็นแค่การทำ Landing Page ที่เล่าให้คนอื่นรู้ว่าคุณคือใคร เคยทำอะไรมาบ้าง และพร้อมช่วยให้เขาเดินไปข้างหน้าด้วยแนวคิดแบบไหน ทุกสิ่งมันเริ่มจากความตั้งใจจะช่วยเหลือจริงๆ ไม่ใช่แค่การขายครับ
และถ้าคุณเคยช่วยให้คนอื่น “ประสบความสำเร็จ” ได้มาแล้ว ทำไมความสำเร็จแบบนั้นจะเกิดขึ้นกับคุณเองบ้างไม่ได้ล่ะครับ? สิ่งที่ผมอยากให้คุณคิดไว้เสมอคือ “คุณไม่ได้ต้องเริ่มจากศูนย์” แต่คุณมีต้นทุนที่คนอื่นไม่มี คือประสบการณ์ และมุมมองแบบ นักวางแผน ที่เคยผ่านสนามจริงมาแล้ว ซึ่งสิ่งเหล่านี้แหละครับที่จะทำให้เนื้อหาของคุณแตกต่างจากคนอื่น ไม่ว่าคุณจะเปลี่ยนมันเป็น คอร์สออนไลน์ หรือธุรกิจความรู้ในรูปแบบไหนก็ตาม มันจะมีพลัง เพราะมันมีเรื่องจริงเป็นพื้นฐาน
ท้ายที่สุดนี้ ผมอยากให้คุณจำไว้นะครับว่า อย่ารอให้พร้อมก่อนแล้วค่อยเริ่ม เพราะบางทีถ้ารอให้พร้อมทุกอย่าง โอกาสก็อาจจะไม่ได้รอคุณอยู่แล้วก็ได้ คุณไม่ต้องสร้างอะไรที่เพอร์เฟกต์ตั้งแต่ต้น แค่เริ่มต้นด้วยความเชื่อว่าความรู้ของคุณมีค่า แล้วค่อยๆ สร้างพื้นที่ให้มันมีชีวิต กลั่นมันออกมาช้าๆ แต่มั่นคง สะสมสิ่งที่เคยทำได้จริงให้กลายเป็นสิ่งที่ขายได้จริง แล้วคุณจะกลายเป็นคนที่ไม่ต้องตามหาลูกค้าอีกต่อไป แต่จะกลายเป็นคนที่ลูกค้าตามหาเองครับ
อยากทักทายหรือสอบถาม ก็ทักไลน์มาคุยกับผมได้เลยนะครับ ^^
ดี้ LandyCourse
รับเว็บไซต์โปร!
เว็บไซต์โปรคุณภาพระดับมืออาชีพ ที่ผมจะติดตั้งทำระบบให้เสร็จครบๆจบๆ คุณแค่เอาไปใส่เนื้อหาเองง่ายๆ ราคาช่วงนี้แค่ 2,490 บาท ….สนใจ กดปุ่มสีแดงดูรายละเอียด หรือ ทักไลน์ปุ่มเขียวมาได้เลย