· · · · · ·

นักการตลาดหลายคนคือคนเบื้องหลังแบรนด์ใหญ่…แต่เบื้องหน้าของตัวเองยังว่างเปล่า

เคยรู้สึกมั้ยครับว่า…เราคือนักการตลาดที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของแบรนด์มากมาย แต่พอหันกลับมามองตัวเอง กลับยังไม่มีใครจำชื่อเราได้เลยสักคน ผมจะเล่าให้ฟังนะครับ หลายคนปั้นยอดขายให้ลูกค้าทะลุเป้า แต่พอถึงเวลาที่เราต้องแสดงตัวเอง กลับกลายเป็นว่ายังไม่มีพื้นที่ไหนที่เป็นของเราจริงๆ เหมือนเรากำลังขับรถให้คนอื่นถึงเป้าหมาย แต่ลืมดูว่ารถของเราจอดทิ้งไว้ตรงไหน นี่แหละครับคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับนักการตลาดจำนวนไม่น้อย ที่ยังไม่มีตัวตนในโลกออนไลน์ของตัวเองเลยแม้แต่นิดเดียว

นักการตลาดเบื้องหลังความสำเร็จ…ที่ยังไม่มีหน้าเป็นของตัวเอง

ในวงการที่เต็มไปด้วยเสียงปรบมือให้กับแคมเปญปังๆ มากมาย คนที่อยู่เบื้องหลังอย่างเรากลับกลายเป็นคนที่ไม่มีใครรู้จักครับ คุณอาจเคยสร้างไวรัลที่ยอดแชร์ถล่มทลาย หรือเขียนคอนเทนต์ที่ยอดขายทะลุเป้า แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่มีใครรู้ว่าคุณคือใคร นี่แหละครับคือความย้อนแย้งของนักการตลาดจำนวนไม่น้อยที่เก่งจนพาแบรนด์โต แต่กลับไม่มีแบรนด์เป็นของตัวเองเลย

คำถามที่น่าคิดก็คือ…เราเสียอะไรไปบ้างครับจากการที่ไม่มีใครรู้จักเราในฐานะ “เจ้าของผลงาน”? นอกจากจะพลาดโอกาสทางอาชีพในอนาคต ยังอาจพลาดความเชื่อมโยงที่มีคุณค่าระหว่างตัวเรากับคนที่อยากทำงานร่วมกันก็ได้นะครับ นี่ไม่ใช่แค่เรื่องชื่อเสียง แต่คือการมีพื้นที่ของตัวเองในโลกที่การแข่งขันสูงขึ้นทุกวันครับ

เก่งแค่ไหน ถ้าคนไม่รู้จัก ก็ไม่ได้ต่างจากคนไม่เคยทำ

ความสามารถที่แท้จริงคือสิ่งที่เราเชื่อมั่นอยู่แล้วครับ แต่ในยุคที่ทุกอย่างเคลื่อนไปเร็วมาก ถ้าความสามารถนั้นไม่ถูกมองเห็น มันก็อาจไม่มีผลอะไรต่อโอกาสที่เราควรจะได้รับเลย นี่จึงไม่ใช่คำถามว่าคุณเก่งแค่ไหน แต่คือคำถามว่า “มีใครรู้ไหมว่าคุณเก่ง?” เพราะความเชี่ยวชาญเพียงอย่างเดียวในโลกปัจจุบัน ไม่สามารถรับประกันความก้าวหน้าในอาชีพหรือการเติบโตทางธุรกิจได้อีกต่อไปนะครับ

เพื่อให้ความสามารถที่คุณมีส่งผลต่อภาพลักษณ์ โอกาส และการเติบโตของแบรนด์ส่วนตัวได้อย่างแท้จริง ลองดูองค์ประกอบเหล่านี้ที่ถือเป็นจุดตัดสินว่า “คุณเก่งแล้ว คนอื่นรู้หรือยัง?”

  • Personal Positioning (การวางตำแหน่งตัวตน) – วางภาพลักษณ์ของคุณให้ชัดว่าคุณถนัดเรื่องไหน เพื่อให้คนอื่นจดจำคุณได้ง่ายขึ้น และสร้างความต่างจากคนอื่นในสายเดียวกัน
  • Visible Authority (ความน่าเชื่อถือที่มองเห็นได้) – ความสามารถที่ไม่ถูกสื่อสารออกไป ไม่ต่างจากสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง สร้างความน่าเชื่อถือผ่าน เว็บไซต์ส่วนตัว หรือ เว็บบล็อก ช่วยให้คนเชื่อได้มากขึ้นครับ
  • Content Proof (หลักฐานจากคอนเทนต์) – อย่าปล่อยให้คำว่า “เชี่ยวชาญ” เป็นเพียงคำพูด ใช้ คอนเทนต์มาร์เก็ตติ้ง สร้างหลักฐานที่สะท้อนความสามารถจริงผ่านบทความ วิดีโอ หรือกรณีศึกษาที่คุณทำเอง
  • Channel Strategy – รู้จักเลือกแพลตฟอร์มให้เหมาะกับกลุ่มเป้าหมาย ไม่ต้องอยู่ทุกที่ แต่ต้องอยู่ให้ถูกที่ เช่น ถ้าเน้นการสื่อสารระยะยาว ควรสร้างด้วย WordPress หรือแพลตฟอร์มที่คุณควบคุมได้
  • Consistency (ความสม่ำเสมอ) – ไม่ใช่แค่มีข้อมูลดี แต่ต้องมีความต่อเนื่อง เพราะแบรนด์ที่ไม่มีสัญญาณ จะถูกลืมไปโดยปริยายครับ
  • Personal Value Sharing – เล่าความคิด เบื้องหลังมุมมอง หรือสิ่งที่คุณเชื่อให้คนรู้จักตัวตนที่มากกว่าทักษะ ให้คนรู้จัก “คุณ” ไม่ใช่แค่ “สิ่งที่คุณทำได้”
  • Search Visibility – ตรวจสอบว่าชื่อของคุณหรือบริการของคุณสามารถถูกค้นเจอบน Google หรือไม่ ถ้าไม่ นั่นคือโอกาสที่หายไปในทุกวินาทีครับ
  • Human Brand Tone – เข้าถึงง่าย ไม่ใช่แค่เก่ง ต้องเป็นมนุษย์ที่คนอยากคุย อยากร่วมงาน อยากติดตามด้วยนะครับ

ผมอยากให้บทความนี้ไม่ใช่แค่การตั้งคำถามนะครับ แต่เป็นแรงกระตุ้นให้คุณหยุดคิดสักครู่ แล้วถามตัวเองว่าทุกสิ่งที่คุณทำอยู่ในตอนนี้ มันกำลังช่วยให้คนอื่น “เห็น” ความสามารถของคุณได้ชัดขึ้นหรือเปล่า ถ้ายัง…คุณก็แค่ต้องเริ่มลงมือจากจุดไหนสักจุดหนึ่งครับ ค่อยๆ ปรับ ค่อยๆ ปล่อยตัวตนที่ใช่ออกมาในแบบที่เป็นคุณจริงๆ แล้วแบรนด์ของคุณจะพูดแทนคุณในวันที่คุณไม่ต้องพูดอะไรเลยครับ

ไม่มีแบรนด์ = ไม่มีเกราะป้องกันเมื่อตลาดเปลี่ยน

ในวันที่ตลาดผันผวน การมี Personal Brand เป็นเหมือนเกราะคุ้มกันอย่างหนึ่งเลยครับ เพราะเมื่อโอกาสหายากขึ้น แบรนด์ส่วนตัวของเราจะเป็นสิ่งที่ช่วยยืนยันความสามารถและดึงดูดคนที่ต้องการร่วมงานกับเราจริงๆ ได้ ยิ่งในยุคที่ทุกคนแข่งขันกันแย่งความสนใจ การที่เราไม่มีแบรนด์เลย ก็เหมือนเดินเข้าสนามรบโดยไม่มีโล่นั่นแหละครับ

หลายคนอาจคิดว่าการมีแบรนด์ส่วนตัวคือเรื่องของคนอยากดัง แต่ความจริงมันคือการสร้างความน่าเชื่อถือในระยะยาวนะครับ ในตลาดงานที่เปลี่ยนเร็ว คนที่ไม่มีตัวตนมักจะหลุดจากเรดาร์ของโอกาสง่ายมาก การมีเว็บไซต์ส่วนตัวหรือเว็บบล็อกที่เล่าเรื่องเราได้ดี จึงเป็นการลงทุนที่คุ้มมากในวันที่อะไรก็ไม่แน่นอนครับ

จะเกิดอะไรขึ้นถ้าอยู่ดีๆ ลูกค้าหลักของคุณลดงบการตลาด หรือเจอ AI เข้ามาแทนงานบางส่วนครับ? ถ้าเรามีแบรนด์เป็นของตัวเอง อย่างน้อยเรายังมีคนรู้จักเราผ่านคอนเทนต์ที่เราเคยเล่าไว้ มีคนจำชื่อเราได้ และนั่นแหละคือทุนสำคัญที่ช่วยให้เรายังไปต่อได้แม้ตลาดจะเปลี่ยนครับ

ทำไมตัวจริงเสียงจริงถึงควร “ยอมให้ตัวเองถูกพบเจอ”?

มีคำพูดนึงที่ผมจำไม่ลืมเลยครับ “คนที่ไม่กล้าเล่าเรื่องตัวเอง มักจะเสียที่ให้คนที่พูดเก่งแต่ทำไม่จริง” ฟังแล้วมันจี๊ดเลยนะครับ เพราะมันคือเรื่องที่เกิดขึ้นจริงกับหลายคน โดยเฉพาะนักการตลาดที่เก่ง แต่กลับไม่เคยยอมให้ใครเห็นตัวตนจริงๆ ของเราเลย เราอาจไม่ได้กลัวว่าจะไม่มีคนฟัง แต่บางทีก็กลัวว่าถ้าเล่าไปแล้วคนจะไม่อิน หรือไม่สนใจ

แต่ในโลกที่ใครก็พูดอะไรได้ การกล้าออกมาพูดในสิ่งที่เราทำจริง คือการแสดงความรับผิดชอบและความจริงใจอย่างมากเลยครับ คนจะเชื่อเราจากสิ่งที่เรายืนอยู่ ไม่ใช่แค่สิ่งที่เราบอกว่าเรายืนอยู่ตรงไหน เพราะฉะนั้น ถ้าเรายังเก็บตัวอยู่เงียบๆ ตลอดเวลา สุดท้ายพื้นที่ตรงนั้นมันก็จะถูกแทนที่ด้วยเสียงจากคนอื่นที่อาจไม่ได้ทำจริงก็ได้ครับ

สร้างแบรนด์แบบนักการตลาด ไม่ต้อง “ทำตัวดัง” ก็ “น่าเชื่อถือ” ได้

สิ่งหนึ่งที่ทำให้นักการตลาดหลายคนไม่กล้าสร้างแบรนด์ส่วนตัว ก็เพราะเข้าใจว่าต้องดัง ต้องพูดเก่ง ต้องมีผู้ติดตามเป็นหมื่นเป็นแสนใช่มั้ยครับ? แต่จริงๆ แล้วการมีแบรนด์ในฐานะนักการตลาดไม่จำเป็นต้องดังเลยนะครับ สิ่งที่เราต้องการคือ “ความน่าเชื่อถือ” ไม่ใช่ “ความโด่งดัง” ต่างหาก

การสื่อสารแบบมืออาชีพ การวางตัวที่แสดงถึงประสบการณ์ และการมีช่องทางให้คนเข้ามารู้จักเราได้ เช่น เว็บไซต์ส่วนตัวหรือเว็บบล็อก เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราดูโปรมากขึ้นโดยไม่ต้องเปลี่ยนบุคลิก ไม่ต้องเต้น ไม่ต้องตลก ไม่ต้องเป็นอินฟลูเอนเซอร์เลยครับ ขอแค่คุณจริงใจและเล่าเรื่องในแบบที่คุณเป็น แค่นี้ก็น่าเชื่อถือกว่าคนที่เสียงดังแต่ไม่มีเนื้อหาแล้วนะครับ

แล้วพอเรามีแบรนด์ของตัวเอง มันก็จะช่วยสร้างแรงส่งให้เราพูดในสิ่งที่เราเชื่อได้มั่นใจขึ้นครับ เพราะเรามีพื้นที่ของเราเอง ไม่ต้องรอให้ใครจ้างถึงจะพูดได้ โลกใบนี้ต้องการเสียงของคนทำงานจริงมากขึ้นนะครับ แล้วเรานี่แหละที่ควรจะกล้าพูดได้แล้ว

เว็บบล็อกหรือเว็บไซต์ส่วนตัว: เครื่องมือเบื้องต้นที่ควรมี

การมีเว็บไซต์ส่วนตัวไม่ใช่แค่เรื่องของความหรูหราอีกต่อไปแล้วนะครับ แต่คือการมี “บ้านหลังหลัก” บนโลกออนไลน์ที่เราควบคุมเองได้ ไม่เหมือนแพลตฟอร์มโซเชียลที่เราถูกจำกัดด้วยอัลกอริทึมตลอดเวลา เว็บบล็อกหรือเว็บไซต์คือที่ที่เราจะเล่าเรื่องได้ลึกกว่า เป็นระบบกว่า และเก็บเนื้อหาทุกอย่างไว้ได้อย่างยั่งยืนครับ

ลองคิดดูนะครับ ถ้ามีคนพิมพ์ชื่อคุณลง Google แล้วเจอเว็บไซต์ที่คุณเล่าเรื่องไว้เอง มีบทความ มีพอร์ตงาน มีช่องติดต่อชัดเจน มันจะดูโปรแค่ไหน? มันคือจุดเริ่มต้นของการสร้างตัวตนที่คนอื่นสามารถเข้าถึงได้ตลอดเวลา ไม่ใช่แค่ตอนโพสต์อะไรในเฟซบุ๊กแล้วต้องลุ้นว่าใครจะเห็นบ้างนะครับ

ผมแนะนำว่า…ถ้าเพิ่งเริ่ม ยังไม่รู้จะทำยังไง ลองเริ่มจากเว็บบล็อกง่ายๆ ก่อนก็ได้ครับ ใช้ WordPress ก็เป็นทางเลือกที่ดีเพราะปรับแต่งง่าย ไม่ต้องเขียนโค้ด แถมยังเหมาะกับนักการตลาดที่อยากปล่อยคอนเทนต์ของตัวเองออกมาอย่างมีสไตล์ แล้วค่อยๆ สะสมเนื้อหาที่มีคุณค่าไว้ในที่ของเราเองครับ

ถ้าอยากมีแบรนด์…ไม่ต้องเริ่มจากใหญ่มาก เริ่มจาก “เรื่องที่เล่าได้” ก็พอ

บางคนรู้สึกว่าการสร้างแบรนด์ส่วนตัวต้องมีเรื่องราวที่ยิ่งใหญ่ก่อน ต้องเคยทำอะไรเปรี้ยงปร้างถึงจะเล่าได้ แต่ความจริงคือ…สิ่งที่เล่าได้ คือจุดเริ่มต้นของแบรนด์แล้วครับ ไม่ต้องรอให้เป็นผู้เชี่ยวชาญระดับประเทศก่อนค่อยเริ่ม ทุกคนมีเรื่องเล่าเล็กๆ ที่มีค่า และคนส่วนใหญ่ก็อินกับเรื่องจริงมากกว่าเรื่องแต่งครับ

ผมอยากชวนให้คุณมองหา “เรื่องที่คุณเคยเจอ” แล้วเล่าว่าคุณคิดยังไง รู้สึกยังไง และได้บทเรียนอะไรจากมัน เรื่องเล่าเหล่านี้อาจไม่ได้ทำให้คุณดังทันที แต่มันจะค่อยๆ สร้างภาพจำและความเข้าใจที่ลึกขึ้นต่อคนที่ติดตามคุณครับ นี่แหละคือหัวใจของ Personal Brand ที่แท้จริง

ไม่ต้องคิดให้ยากนะครับ เริ่มจากประสบการณ์ที่เคยเจอกับลูกค้า เรื่องแคมเปญที่คุณภูมิใจ หรือแม้แต่ปัญหาเล็กๆ ที่คุณเคยแก้ได้ มันคือจุดตั้งต้นที่คนอ่านจะรู้จักตัวตนของคุณแบบที่ไม่ต้องขายตัวเองเลย แค่เล่า…ก็เพียงพอแล้วครับ

ถึงเวลาสร้างแบรนด์ที่พูดแทนเรา แม้ในวันที่เราไม่ได้อยู่ตรงนั้น

ลองจินตนาการดูครับ ว่าคุณกำลังพักผ่อนอยู่ หรืออยู่ในช่วงที่ไม่ได้ออกหน้าอะไรเลย แต่ยังมีคนเสิร์ชชื่อคุณแล้วเจอบทความของคุณ เจอเว็บไซต์ที่คุณเคยเขียน เจอพอร์ตงานของคุณที่ยังทำงานแทนคุณอยู่ตลอดเวลา มันคือความรู้สึกที่สบายใจมากเลยนะครับ เพราะแบรนด์ของคุณกำลังทำงานแทนคุณโดยที่คุณไม่ต้องวิ่งหางานตลอดเวลา

การสร้าง Personal Brand ไม่ใช่แค่เพื่อตัวเองในวันนี้ แต่เพื่ออนาคตที่เราอาจไม่พร้อมอยู่ตรงนั้นเสมอไปครับ มันคือการยืนยันกับโลกว่า “ฉันเคยอยู่ตรงนี้ และยังมีบางอย่างให้คุณได้เรียนรู้จากฉัน” แล้วสิ่งนี้จะกลายเป็นทุนทางความเชื่อมั่นที่ไม่หายไปตามกาลเวลา

ถ้ารอให้พร้อมก่อนค่อยเริ่ม เราอาจไม่ได้เริ่มสักทีครับ และโลกมันไม่รอใครอยู่แล้วด้วย ผมอยากชวนให้คุณเริ่มจากสิ่งที่มี เริ่มจากพื้นที่เล็กๆ ที่คุณสร้างได้ แล้วค่อยๆ ปล่อยให้แบรนด์ของคุณเติบโตไปตามจังหวะชีวิตของคุณเองครับ

กุญแจสู่ความสำเร็จ (Key to Success)

ในวันที่การแข่งขันสูงขึ้นทุกวัน ถ้าคุณเป็นนักการตลาดที่อยากสร้างแบรนด์ของตัวเองให้น่าเชื่อถือ โดยไม่ต้องทำตัวดัง ไม่ต้องกลายเป็นอินฟลูเอนเซอร์ แค่มีเว็บไซต์ส่วนตัวหรือเว็บบล็อกที่เล่าเรื่องในแบบของคุณ ก็พอแล้วครับ แล้วถ้าคุณยังลังเลว่าควรเริ่มจากตรงไหน ลองไล่ดูเช็กลิสต์พวกนี้ดูครับ ผมว่ามันคือหัวใจสำคัญที่ช่วยให้คุณมีพื้นที่ของตัวเอง และสร้างแบรนด์ให้โตขึ้นในแบบที่ไม่ต้องฝืนเป็นใครเลยครับ

  • อย่าหลบอยู่เบื้องหลังผลงานตลอดไป — คุณควรมีหน้า มีชื่อ ให้คนรู้จัก
  • ถ้าไม่มีใครเห็นคุณ ก็ไม่มีใครรู้ว่าคุณเก่งแค่ไหน — การตลาดออนไลน์ต้องกล้าแสดงตัว
  • แบรนด์ส่วนตัวคือเกราะกันแรงกระแทกของตลาด — สร้างไว้ก่อนวันที่อะไรๆ ไม่แน่นอน
  • ไม่ต้องดัง แค่สื่อสารให้คนเชื่อมั่นก็พอ — เลือกสื่อสารแบบนักการตลาดมืออาชีพ
  • เว็บไซต์ส่วนตัวกับเว็บบล็อกคือจุดยืนที่คุณควรมี — ไม่พึ่งโซเชียลเพียงอย่างเดียว
  • การเล่าเรื่องเล็กๆ จากประสบการณ์จริง มีพลังมากกว่าที่คิด — เป็นคอนเทนต์มาร์เก็ตติ้งแบบที่ไม่มีใครก็อปได้
  • ค่อยๆ ปล่อยคอนเทนต์ของคุณออกมาในพื้นที่ของตัวเอง — ใช้ WordPress ก็เริ่มได้เลย
  • สร้างแบรนด์ให้พูดแทนคุณ แม้ในวันที่คุณเงียบไป — ให้เว็บไซต์ของคุณทำงานแทนคุณ
  • อย่ารอให้พร้อม เพราะโอกาสไม่รอเรา — เริ่มจากสิ่งเล็กๆ ที่คุณมี แล้วค่อยๆ ขยาย

ทุกข้อที่เล่ามานี้ ไม่ได้มีไว้เพื่อสอนครับ แต่ผมอยากชวนให้คุณมองมันให้ลึกขึ้น และลองกลับมาถามตัวเองว่า…ถึงเวลาหรือยังที่เราจะสร้างตัวตนผ่านเว็บไซต์ของตัวเองให้ชัดกว่านี้ เพื่อให้แบรนด์ของคุณเดินไปข้างหน้าได้โดยไม่ต้องวิ่งตามใครนะครับ

คำแนะนำสุดท้ายจากผม ดี้ LandyCourse

สิ่งหนึ่งที่ผมอยากชวนเพื่อนๆ นักการตลาดมาลองทบทวนกันดูจริงๆ ก็คือ…เราทำงานอยู่ในวงการที่เข้าใจพฤติกรรมผู้คนมากกว่าคนส่วนใหญ่ เรารู้ว่าการวางภาพแบรนด์ให้ถูกจังหวะมันส่งผลขนาดไหน รู้ว่าแต่ละแพลตฟอร์มควรเล่าเรื่องแบบไหนให้คนสนใจ แต่พอพูดถึงตัวเราเอง กลับไม่ค่อยมีใครหยิบความรู้นั้นมาใช้กับตัวเองเท่าไหร่เลยนะครับ ทั้งที่เรานี่แหละคือคนที่ควรใช้มันได้ดีที่สุด เพราะเรารู้จริง และมีประสบการณ์จริงอยู่ในมือแล้ว

ลองคิดดูครับ ถ้าเราทำให้คนเชื่อในแบรนด์อื่นๆ ได้ด้วยความเข้าใจและลงมือวางแผนทุกวัน ทำไมเราถึงไม่ทำแบบนั้นกับตัวเราเองบ้าง? ไม่จำเป็นต้องเป็นแคมเปญใหญ่ ไม่ต้องรอว่าง ไม่ต้องรอพร้อม แค่เริ่มจากสิ่งง่ายๆ ที่เราเล่าได้ สร้างพื้นที่เล็กๆ บนโลกออนไลน์ให้เป็นเหมือนสมุดบันทึกความคิด บันทึกประสบการณ์ หรือแม้แต่บทเรียนที่เคยผ่านมา แค่นั้นก็ดีพอสำหรับการเริ่มต้นสร้าง เว็บไซต์ส่วนตัว หรือเว็บบล็อกที่จะเป็นบ้านของเราจริงๆ บนโลกออนไลน์

พอเรามีพื้นที่ของเราเอง เราจะเริ่มเข้าใจเลยครับว่ามันต่างจากการโพสต์ตามแพลตฟอร์มอื่นยังไง เพราะเรากำหนดทิศทางเนื้อหาเองได้ทั้งหมด อยากเล่าอะไรก็เล่าได้โดยไม่ต้องกลัวว่าคนจะเห็นหรือไม่เห็น โฟกัสของมันอยู่ที่คุณภาพและความต่อเนื่อง ไม่ใช่ความไวหรือเสียงรอบข้าง แถมเมื่อเวลาผ่านไป สิ่งที่คุณเคยเขียน เคยเล่า เคยแบ่งปัน มันจะกลายเป็นแหล่งอ้างอิงที่มีคุณค่าต่อทั้งตัวคุณเองและคนที่อยากรู้จักคุณมากขึ้นครับ

ในฐานะ นักการตลาด ที่คลุกอยู่กับการเล่าเรื่องเพื่อธุรกิจมาตลอด ผมว่าคุณจะเข้าใจดีว่าการสื่อสารไม่ได้อยู่ที่คำพูดสวยๆ แต่อยู่ที่การเลือกเล่าเรื่องในจังหวะที่ใช่กับคนที่ฟังมันได้จริง และพื้นที่ที่เราควบคุมได้เองนี่แหละครับ ที่จะทำให้คุณวางจังหวะนั้นได้อย่างอิสระ ลองคิดภาพง่ายๆ ว่าเมื่อถึงวันที่มีคนอยากรู้จักเรามากขึ้น อยากชวนเราร่วมงาน หรืออยากเรียนรู้จากประสบการณ์ของเรา เราแค่ส่งลิงก์เว็บไซต์ของตัวเองไปให้เขา แล้วทุกอย่างที่คุณเคยผ่านมาก็จะพูดแทนคุณโดยที่ไม่ต้องพูดอะไรเลย

ผมอยากให้คุณเริ่มจากอะไรที่ง่ายที่สุดครับ เขียนเล่าประสบการณ์ที่เคยทำจริง ลองหยิบขึ้นมาสักเรื่องก็ได้ แล้ววางลงในเว็บไซต์ของคุณ ไม่ต้องสมบูรณ์ ไม่ต้องเขียนเก่ง แค่เขียนในแบบที่เป็นคุณจริงๆ พอเริ่มมีสัก 3-4 เรื่อง คุณจะเริ่มเห็นภาพแล้วว่าแบรนด์ของคุณกำลังค่อยๆ ชัดขึ้นเองโดยไม่ต้องฝืนอะไรเลย และผมแนะนำว่าถ้ายังไม่มีเครื่องมือ ลองใช้ WordPress ก็เหมาะมากสำหรับการเริ่มต้น สร้างง่าย จัดระเบียบดี และขยายต่อได้เรื่อยๆ ตามที่คุณพร้อมครับ

สุดท้ายนี้ ผมไม่ได้เขียนบทความนี้เพื่อจะบอกให้คุณต้องทำอะไรครับ แต่ผมอยากแบ่งความคิดบางอย่างจากประสบการณ์ของผมให้กับเพื่อนที่ทำงานในสายเดียวกัน เผื่อว่ามันจะเป็นไฟเล็กๆ ที่ช่วยให้คุณอยากเริ่มสร้างพื้นที่ของตัวเองขึ้นมาสักมุมหนึ่งในโลกนี้ ไม่ต้องรีบ ไม่ต้องเป๊ะ แค่เริ่มจากความตั้งใจจริง เท่านั้นก็มีพลังมากพอแล้วครับ

อยากทักทายหรือสอบถาม ก็ทักไลน์มาคุยกับผมได้เลยนะครับ ^^
ดี้ LandyCourse

โปรเจ็คแนะนำ

รับเว็บไซต์โปร!

เว็บไซต์โปรคุณภาพระดับมืออาชีพ ที่ผมจะติดตั้งทำระบบให้เสร็จครบๆจบๆ คุณแค่เอาไปใส่เนื้อหาเองง่ายๆ ราคาช่วงนี้แค่ 2,490 บาท ….สนใจ กดปุ่มสีแดงดูรายละเอียด หรือ ทักไลน์ปุ่มเขียวมาได้เลย

  • เว็บไซต์ที่เป็นของคุณ 100%
  • เว็บไซต์แนว บล็อก & Landing Page
  • รวมทุกอย่างครบๆ จบๆ ไม่ต้องลงทุนใดๆเพิ่มแล้ว
  • ไม่ต้องยุ่งยากทำส่วนยากๆเอง
  • ผมทำให้พร้อมดูแลให้ตลอดอายุ
  • ได้เว็บเสร็จไว ราคาไม่แพง!

Similar Posts